วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

ความรู้รอบตัว..ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
1.ยุงบินด้วยความเร็ว 5 ไมล์ต่อชั่วโมง...
2.ผีเสื้อบินด้วยความเร็ว 20 ไมล์ต่อชั่วโมง...
3.เส้นผมคนรับน้ำหนักได้ 3 กิโลกรัม...
4.เสียงกรนที่ดังที่สุดดังถึง 87.5 เดซิเบลล์
5.พอล แมคคาร์ที เป็นเจ้าของลิขสิทธิเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ถ้าจะนำมาออกรายการต้องซื้อลิขสิทธิก่อน...
6.เหรียญทองโอลิมปิกต้องมีแร่เงินผสมอยู่ 92.5 เปอร์เซนต์...
7.หอเอนเมืองปิซาเอนไปทางใต้...
8.กษัตริย์หลุยส์ที่ 14 อาบน้ำทั้งหมด 3ครั้งในชีวิต...
9.ฮิตเลอร์แสกผมข้างซ้าย...
10.ผู้หญิงที่เกาะฮาวายที่ทัดดอกไม้ที่หูข้างซ้าย แสดงว่ามีเจ้าของแล้ว...
11.เราไม่สามารถฆ่าตัวตายด้วยการกลั้นหายใจได้...
12.ผู้หญิง 3.9 เปอร์เซนต์ไม่ชอบใส่กางเกงใน...
13.ฮิปโปผายลมทางปาก...
14.ประเทศซาอุดิอราเบียไม่มีแม่น้ำ...
15.กังหันทั้งโลกหมุนทวนเข็มนาฬิกา ยกเว้นที่ไอร์แลนด์...
16.เด็กนักเรียนอายุ15 ปีขึ้นไปในบังคลาเทศจะถูกจับเข้าคุกถ้า"โกงข้อสอบ"...
17.ปลาที่อาศัยในน้ำลึกเกิน 800 เมตร จะไม่มีตา...
18.ผมคนเราจะร่วงประมาณ 200 เส้นต่อวัน...
19.ตัว"โอ"เป็นสระที่เก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ...
20.คนพูดประมาณ 120 คำต่อนาที
21.ฝ่ามือและฝ่าเท้าของคนเราไม่สามารถไหม้ได้...
22.อูฐสามารถหมุนหัว 180 องศา
23.ถ้าปลาไหลไฟฟ้าอยู่ในน้ำเค็ม จะถูกช็อตตาย...
24.ขั้นบันไดในไทยจะเป็นเลขคี่...
25.เจ้าฟ้าชายชาลส์ชอบสะสมฝาโถส้วม...
26.คนมีโอกาสตายจากผึ้งต่อยมากกว่างูกัด...
27.ประเทศวาติกันมีประชากรประมาณ 1000 คน
28.เมื่อคุณจาม หัวใจคุณจะหยุดเต้นเสี้ยววินาที
29.มันเปนไปมะได้อ่ะคับ ถ้าคุณจะจามโดยไม่หลับตา
30.เดิมโคคาโคล่าเป็นสีเขียว
31.ชื่อที่โหลที่สุดในโลกคือ Mohammed
32.กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคือลิ้น
33.แต่ละโพหลังไพ่ แสดงถึงกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่จากประวัติศาสตร์ - โพดำกษัตริย์เดวิด - ดอกจิก อเล็กซานเดอร์มหาราช - โพหัวใจ ชาร์ล เลอ มาญ - ข้าวหลามตัด จูเลียส ซีซาร์
34. อนุสาวรีย์ของใครสักคนที่อยู่บนหลังม้า และม้ายกสองขาขึ้นบนอากาศแปลว่าคนนั้นตายในสงคราม
35.ถ้าม้ายกขาข้าเดียวแปลว่า เขาบาดเจ็บในสงคราม และตายจากการบาดเจ็บนั้น
36.ถ้าทั้งสี่ขาของม้าอยู่บนพื้น แสดงว่าตายโดยธรรมชาติ

37.ใน 4000 ปีที่ผ่านมา ไม่มีสัตว์ชนิดใหม่ๆที่ถูกทำให้เชื่อง
38.เชคสเปียร์ เป็นคนคิดค้นคำว่า assassination (การลอบฆ่า) และ bump (ชน กระทบ)
39.หัวใจมนุษย์สร้างความดันเพียงพอที่จะปั๊มเลือดออกจากร่างกายไป 30 ฟุต
40. หนูสามารถสืบพันธ์ได้เร็มาก ใน 18 เดือน หนูสองตัวจะสามารถมีทายาทมากกว่าล้านตัว
41.การใส่หูฟังแค่ชั่วโมงเดียว ทำให้แบคทีเรียในหูเพิ่มขึ้น700เท่าตัว
42.ลิปสติกส่วนใหญ่มีส่วนประกอบของเกล็ดปลา
43.เหมือนกับลายนิ้วมือ....ลายลิ้นทุกคนต่างกัน
44.นิตยสาร time ได้ยกย่องให้คอมพิวเตอร์เป็นบุคคลแห่งปีในปีค.ศ.1982
45.สถิติจูบนานที่สุดในโลกเป็นของหลุยซา แอลเมโดวาร์ วัย 19 ปีกับแฟนหนุ่ม ริชแลงเลย์ วัย 22 ปีพวกเขาทำสถิติไว้ที่30.59.27 ชม.
46.ตอนที่ f4 ไปเปิดคอนเสิร์ตที่อินโดนีเซียทำให้เด็กนักเรียนเกือบ100คน ต้องเรียนซ้ำชั้น เพราะไม่ได้ไปลงทะเบียนเรียนเทอม 2
47.บริษัทผู้ผลิตยาสีฟันดาร์ลี่เป็นเจ้าของเดียวกันกับที่ผลิตยาสีฟันคอลเกต
48.โดนัลด์ ดักส์ ถูกแบนในประเทศฟินแลนด์ เพราะมันไม่ได้สวมกางเกงใน
49.ภาพยนต์เรื่อง nothing hill จ่ายค่าตัวจูเลีย โรเบิร์ต 15ล้านเหรียญ ( 660 ล้านบาท ) ในขณะที่พระเอกอย่างฮิว แกรนจ์รับค่าตัวเพียง 1 ล้านเหรียญ (45 ล้านบาท)
50.หนังอนิเมชันเรื่อง SouthPark ได้รับการบันทึกลงในหนังสือกินเนสส์บุ๊กว่าเป็นหนังอนิเมชั่น เรื่องยาวที่หยาบคายที่สุดในโลกสถิติบันทึกไว้ว่า มีการใช้คำหยาบ 399 คำ พฤติกรรมรุนแรง 221 ครั้ง และแสดงท่าทางหยาบคาย 128ครั้ง
51.ขนมทอดกรอบตรา ปูไทย ระบุว่าไม่มีส่วนผสมของเนื้อปู
52.ในน้ำทะเล 100 ตัน จะมีทองคำอยู่ประมาณ 4 กรัม
53.จำนวนแถวของข้าวโพดในแต่ละฝักจะเป็นเลขคู่
54.จิงโจ้เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่เดินถอยหลังไม่ได้
57.ยุงชอบเลือดเด็กมากกว่าเลือดผู้ใหญ่
58.แมงมุมทอดรสชาติเหมือนถั่ว
59.ฟันของแมลงสาบอยู่ในท้อง
60.เม่นทุกตัวลอยน้ำได้
61.หมู มีโอกาสเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง
62.นอกจากมนุษย์แล้ว หมีขั้วโลกและจิงโจ้ต่างก็จูบเป็น ส่วนลิงชิมแปนซีนั้นจูบแบบ "เฟรนช์คิส" ได้ด้วย63.คนถนัดขวามีอายุเฉลี่ยยืนยาวกว่าคนถนัดซ้ายถึง 9 ปี
64.Hippopotomonstrsesquippedaliophobia คือ ชื่ออาการของคนที่หวาดกลัวคำอ่านยาวๆ
65.ผู้ที่เกิดเดือนมกราคม - มีนาคม มีแนวโน้มเป็นโรคจิตและโรคคลั่งมากกว่าเดือนอื่นๆ
66.แก้วไม่ได้เป็นของเเข็ง เเต่เปนของเหลว
67.สมองคนเราหนักประมาณ 3% ของน้ำหนักของร่างกาย แต่ใช้เลือดไปเลี้ยงถึง 15% ของเลือดทั้งหมด68.เลือดของกุ้งมังกรเปนสีน้ำเงิน
69.รู้หรือเปล่าว่าเว็บgoogleไม่ได้มีประโยชน์แค่หาข้อมูล แต่เป็นเครื่องคิดเลขได้ (ลองใส่ 5+2 หรือเลขอะไรก้อได้ในช่อง แล้วกด Search ดูจิ)

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552

7 มารยาทที่คุณห้ามทำในต่างประเทศ

7 Innocent Gestures That Can Get You Killed Overseas

อันดับ 7 ห้ามแบมือต่อหน้าชาวกรีก (Extend Your Hand, Palm Outward in Greece)
สากล:พอแล้วครับอิ่มแล้วครับ (เป็นภาษากายประมาณว่าผมไม่เอา)
กรีก: "นี่นายว่าหน้าฉันมีอุจจาระเรอะ!!"
ในประเทศกรีกการแสดงอากัปกิริยาโดยทำแผ่ฝ่ามือแบบนี้ต่อหน้าชาวกรีกนั้น ถือว่าเป็นการดูถูกพวกเขาครับ มันที่มาคือ ในสมัยอาณาจักรไบเวนไทน์ Byzantine เมื่อใดที่อาชญากรทำผิดอาญาเขาจะจับคนนั้นขังบนกรงและแห่เป็นขบวนพาเหรดบนหลังม้าตามท้องถนน และผู้คุมจะสีดำลงในหน้าของนักโทษเพื่อประจาน ถือว่าอับอายมากๆ ดังนั้นเวลาชาวกรีกเห็นคุณทำมือแบบนี้ละก็ ชาวกรีกจะนึกว่าคุณกำลังดูถูกพวกเขาอย่างมากๆ เพราะคุณเปรียบพวกเขาเหมือนนักโทษที่น่าอับอายนี้เอง


อันดับ 6 ห้ามยกนิ้วโป้งที่ประเทศตะวันออกกลาง (Give the Thumbs-Up In The Middle East)


สากล: "กู๊ด มันยอดเยี่ยม"
ตะวันออกกลาง: "เดี๋ยวฉันจะเอานิ้วโป้งนายยัดรูตูดเอ็ง"
มันไม่เหมาะอย่างยิ่งที่ยกหัวนิ้วโป้งในตะวันออกกลางนี้ แม้ว่ายกนิ้วโป้งจะเป็นการแสดงอากิริยาสากลก็เถอะ เราไม่รู้ที่มาการห้ามนี้มาจากที่ใด แต่สัญลักษณ์การยกนิ้วหัวแม่มือนั้นเป็นสัญญาณที่เคยมากว่าพันปีมาแล้วในสมัยโรมัน การต่อสู้ในสังเวียนเลือด(โคโลเซียมหรือเวทีประลอง) พวกนักต่อสู้(ซึ่งเป็นทาส คนผิวดำ ยิว)ที่แพ้ในเวทีจะถูกตัดสินโดยเจ้าภาพว่าจะอยู่หรือตาย โดยถ้าเจ้าภาพจะทำมือเอานิ้วหัวแม่มือขึ้น-ลง ถ้ายกนิ้วโป้งขึ้นจะรอด แต่ถ้ายกหัวนิ้วมือลงนักสู้คนนั้นจะโดนฆ่า และแหล่งกำเนิดนี้ถูกนำไปเผยแพร่รอบๆ อาณานิคมของโรมในที่สุด ซึ่งมันก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นจริงความหมายดั้งเดิมของมันคงจะเป็น "อย่าฆ่านักโทษนะเว้ย เพราะตรูเป็นเจ้าชีวิตของพวกมัน"



อันดับ 5 มารยาทอาหารในไทย/ฟิลิปปินส์/จีน (Finish Your Meal In Thailand / The Philippines / China)




สากล:นี้เป็นอาหารอร่อย แต่ตอนนี้กระเพาะผมจุไม่ได้แล้วครับ ขออภัยด้วยที่กินเหลือ
เอเชีย: มองด้วยสายตาไม่พอใจ......
เจ้าภาพ-เจ้าของบ้าน(ของประเทศทั้งสาม)นั้นให้ความสำคัญกับแขกเวลามาบ้านคุณ พวกเขาจะจัดทำอาหารอย่างดีที่สุด โดยเลือกวัตถุดิบดีๆที่สุด อย่างไรก็ตามราคาวัตถุดิบในการทำอาหารในประเทศนั้นค่อนข้างแพงทำให้เจ้าของบ้านทำอาหารให้พอเหมาะแก่ความต้องการต่อแขกเท่านั้น


อันดับ 4 ห้ามพบปะสนทนากับเพศตรงข้ามในซาอุดิอาระเบียโดยเปิดเผยต่อหน้าคนอื่น (Say "Hi" to a Member of the Opposite Sex in Saudi Arabia)



สากล: "สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก"
ซาอุฯ: "สวัสดี ตอนนี้คุณมีความผิดฐานร่วมประเวณีผิดศิลธรรมของประเทศเราแล้วละ ชื่อของคุณจะอยู่แฟ้มประวัติอาชญากรรมแน่นอน"
ซาอุดิอาระเบียมี กฎหมายที่เคร่งศาสนาเพื่อป้องกันการผิดศีลธรรมต่างๆ นาๆ คุณอาจเห็นกฎหมายห้ามชายและหญิงมีชู้, ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว(มันก็ดีนี้น่า) แต่ถ้าใครละเมิดอาจจะได้รับบทลงโทษที่แสนรุนแรงตามมาแน่นอน หนึ่งในนั้นก็มีกฎหมายห้ามผู้หญิง(รวมถึงผู้หญิงต่างชาติ)จับมือทักทายผู้ชายต่อหน้าสาธารณชนหรือสมาคม และผู้ชายใดๆ ที่ไม่ใช้สามีของเธอโดยปราศจากผู้ที่ไปเป็นเพื่อน ซึ่งเคยมีตัวอย่างมาแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2008 ผู้หญิงสหรัฐคนหนึ่งที่ติดต่องานโดยสนทนาและจับมือกับผู้ชายในStarbucks และถูกการจับกุมและถึงขั้นขึ้นศาล


อันดับ 3 ห้ามให้ดอกไม้เลขคู่ในรัสเซีย (Give an Even Number of Flowers in Russia)



สากล: "ฉันชอบเสน่ห์ของเธอเหลือเกิน มันเลยขอมอบดอกไม้ให้แทนความรู้สึกของเรา
รัสเซีย: "ตาย! ตาย! ตาย! อ๊าคคคคคคคคคคคค"
ในรัสเซียดอกไม้จำนวนเลขคู่นั้นใช้ในงานศพเท่านั้นนะครับ และแน่นอนเกิดขึ้นเอาดอกไม้จำนวนคู่เป็นของขวัญให้คนรัสเซียละก็มีหวังได้เห็นหมัดแน่นอน เพราะมันเหมือนกับเราแช่งให้เขาตายเร็วๆ เวลาจะให้ดอกไม้แก่คนรัสเซียควรให้ดอกไม้เลขคี่ดีกว่าและคนรัสเซียก็ไม่ให้ความสำคัญแก่สีของดอกไม้มากนัก
พูดถึงรัสเซีย รัสเซียนี้มีประวัติวัฒนธรรมประเพณีที่ยาวนาน ถ้าเราศึกษาดีๆ จะพบข้อที่ห้ามทำนรัสเซียอยู่เยอะ เช่น ไม่ควรจับมือหรือหอมแก้มทักทายที่ประตูทางเข้าบ้าน,ห้ามปฏิเสธการดื่มอวยพร,เวลาไปเยี่ยมต้องเอาของที่ระลึกเป็นให้เจ้าภาพด้วย เป็นต้น


อันดับ 2 ห้ามให้ของขวัญด้วยมือซ้ายข้างเดี่ยวในบางประเทศ ( Give a Gift With Your Left Hand, Pretty Much Anywhere)



สากล: ฉันมาแสดงความยินดีกับงานแต่งลูกสาวของคุณ เธอสวยมาก ฉันขอมอบของขวัญให้แก่ลูกสาวของคุณ เพราะฉันรักคุณ (ส่งด้วยมือซ้าย)
บางประเทศ: (อีกฝ่ายคิด)ฉันมาแสดงความยินดีกับงานแต่งลูกสาวของคุณ เธอไร้ค่ามาก เหมือนอาเจียนของสุนัขที่ฉันไปเจอมา ฉันขอมอบของขวัญนี้ให้ เพราะฉันเกลียดคุณ(ว่ะ)
ในบางประเทศถือได้ว่ามือซ้ายเป็นมือที่สกปรก โสโครก เพราะเรามักใช้มือซ้ายจับได้สิ่งที่ไม่ดีหลายอย่าง เช่นเรามักใช่มือซ้ายในการชำระล้างสิ่งปฏิกูลเวลาเข้าส้วม(สำหรับคนถนัดขวานะ,ลูบหน้า,นอกจากนั้นในบางวัฒนธรรมในบางประเทศเชื่อว่าคนถนัดซ้ายคือสมุนของซาตาน ส่วนคนถนัดขวาคือมนุษย์ ซึ่งในหลายประเทศที่ห้ามส่งของขวัญด้วยมือซ้ายก็มี อินเดีย,แอฟริกา, ศรีลังกา,ประเทศตะวันออกกลาง
พูดถึงการให้ของขวัญแก่คนต่างประเทศนี้ก็มีข้อความรู้อีกเยอะ เช่น อย่าใช้กระดาษขาวมาห่อของขวัญแก่คนจีน, อย่าให้ดอกไม้สีขาวแก่ชาวบังคลาเทศ ซึ่งมันอาจเป็นมารยาทเล็กๆ ที่คุณอาจต้องรู้ไว้เวลาจะถูกมิตรกับคนต่างชาติ เพราะคนต่างชาติไม่มองคุณเป็นคนขี่ม้าที่สี่ของบันทึกทางศาสนาของยิวแน่นอน(กษัตริย์ทั้งสี่ในศาสนาคริสต์ที่มอบของขวัญแก่พระเยซูคริสต์ในช่วงประสูติ)


อันดับ 1 ห้าม "OK" ที่บราซิล (Give the "OK" Sign in Brazil)



สากล:ตกลง!! โอเค
บราซิล:ฮายบราซิล!! ฉันคือ ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) ของ USA ฉันกำลังจะไปแตะผ่าหมากคุณแล้ว
บราซิล คือดินแดนแห่งสาวสวย หาดทรายขาว และวัฒนธรรมเปิดกว้างเป็นมิตร แต่ถ้าคุณทำมือโอเคแก่ชาวบราซิลละก็ จากมิตรจะกลายเป็นศัตรูทันใด!!
ในบราซิลการทำมือ โอเคหรือตกลงนั้นไม่ควรนำมาใช้อย่างยิ่งเพราะการทำมือ "ตกลง" เป็นการแสดงอากัปกิริยาเทียบเท่าได้กับ"ฟักยู" ในอเมริกา(โชว์นิ้วกลาง)
เราไม่รู้ว่าประวัติของการห้ามทำสัญญามือของบราซิลนี้มีที่มาอย่างไร แต่มันก็เคยเกือบเป็นปัญหาประทศมาแล้วเมื่อ ปี 50 นิกสันมายืนอเมริกาและในขณะก้าวจากเครื่องบิน ฝูงชนรัวกล้องถ่ายรูปประชิดตัว และขณะนิกสันกำลังก้าวไปขึ้นรถนั้นเอง เขาก็ทำมือโอเคทักทายต่อหน้ากล้องและประธานาธิปตรีคนแรกของบราซิล แน่นอนคนบราซิลก็นึกว่านิกสันจะเตะผ่าหมากคนทั้งบราซิล
สรุปก็คือการมาเยือนของนิกสันในบราซิลครั้งนี้ก็คือการถูกต้อนรับด้วยปัสสาวะ,อึ ที่กระหนำปาใส่รถลีมูซีนที่ท่านนั่งอยู่ตลอดสองข้างทาง.......
ในประเทศจีน ถ้าคุณกินหมดจนคำสุดท้าย มันแปลว่าเขาให้อาหารคุณไม่พอกิน เพราะงั้น ไม่ว่าอาหารนั้นจะอร่อยแค่ไหน คุณก็ต้องกินเหลือไว้อย่างน้อยคำหนึ่งเสมอ และในจีน ถ้าคุณกินไปคุยไป (คุยในขณะที่อาหารเต็มปาก) และถึงกับเรอเมื่ออิ่มนั้น เป็นมารยาทดีสุด ๆ

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552

5 คณะยอดนิยม

5 คณะยอดนิยมของทั้งชาย หญิง
ปีที่แล้วมหาวิทยาลัยมหิดลได้เผยข้อมูลความนิยมในแต่ละคณะ โดยสุ่มตัวอย่างจากทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พบว่า
5 คณะยอดนิยมของเยาวชนชาย คือ
คณะวิศวกรรมศาสตร์ 16.2%
คณะแพทย์ศาสตร์ 15%
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 8.4%
คณะนิติศาสตร์ 7.9%
คณะรัฐศาสตร์ 7.4%

ส่วนเยาวชนหญิงนั้น คือ
คณะอักษรศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ และคณะมนุษยศาสตร์ 20.4%
คณะนิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ และคณะสื่อสารมวลชน 17.3%
คณะบัญชี 7.6%
คณะรัฐศาสตร์ 5.2%
คณะพยาบาลศาสตร์ 4.6%

**ดูจัดอันดับมหาวิทยาลัยยอดนิยม ต่อได้ที่ http://unigang.com/Article/365

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552

ข้อสอบ TOEIC แบบใหม่!

ข้อสอบ TOEIC แบบใหม่!
แบบทดสอบที่ใช้วัดความสามารถภาษาอังกฤษที่เป็นที่นิยมคงต้องยกนิ้วให้ TOEIC ซึ่งหากคนไหนมีคะแนนสอบ TOEIC ที่ดีแล้ว ก็เรียกได้ว่ามีชัยไปกว่าครึ่งสำหรับการเตรียมตัวไปเรียนต่อเมืองนอก ล่าสุดนั้น การสอบ TOEIC ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเล็กน้อย โดยเริ่มเปลี่ยนมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา เรียกรูปแบบใหม่นี้ว่า Redesigned Toeic ว่าแต่จะเปลี่ยนแปลงไปยังไงนั้น รวบรวมมาไว้ให้แล้วค่ะ


ข้อสอบ TOEIC แบบใหม่ !

PART 1 : LISTENING มีทั้งหมด 100 ข้อ คะแนนรวม 495 คะแนน เวลา 45 นาที
1.1 Photographs (รูปภาพ) โดยฟังประโยคจากเทปที่เปิด แล้วพิจารณาว่ารูปภาพในข้อใดตรงกับที่เทป อ่านมากที่สุด- แบบเก่า มีทั้งหมด 20 ข้อ- แบบใหม่ ลดเหลือเพียง 10 ข้อ
1.2 Question-Response (ถามตอบ) ฟังคำถามจากเทปที่เปิด เช่น How are you ? และฟังชอยส์ 4 คำตอบจากเทปเช่นกันแล้วเลือกว่าคำตอบใดถูกต้องที่สุด โดยคำถามทั้งหมดมี 30 ข้อ
- ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
1.3 Conversations (บทสนทนา) จะเป็นบทสนทนาระหว่างบุคคล 2 คน ซึ่งโจทย์จะถามเกี่ยวกับเนื้อหา ของบทสนทนา มีทั้งหมด 30 ข้อ- แบบเก่า 1 บทสนทนา ต่อ คำถาม 1 ข้อ (มีทั้งหมด 30 บทความ)- แบบใหม่ 1 บทสนทนา ต่อ คำถาม 3 ข้อ (มีทั้งหมด 10 บทความ)

1.4 Talks (บทพูดคุย) การฟังประกาศ ข่าว หรือบทความ และตอบคำถาม- แบบเก่า มีคำถามทั้งหมด 20 ข้อ- แบบใหม่ มีคำถามทั้งหมด 30 ข้อ โดยมีบทความ 10 บทความ (1 บทความ มีคำถาม 3 ข้อ)

ข้อสอบ TOEIC แบบใหม่ !
PART 2 : READING มีทั้งหมด 100 ข้อ คะแนนรวม 495 คะแนน เวลา 1 ชม. 15 นาที
2.1 Incomplete Sentence (เติมประโยคให้เต็ม) เช่น Please tell me your ____ time . (arrive , arrival , reach , reaching)
- ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

2.2 - แบบเก่า Error Recognition (จับผิดไวยากรณ์) มีทั้งหมด 20 ข้อ- แบบใหม่ Text Completion (เติมข้อความให้สมบูรณ์) โดยอ่านบทความคล้ายๆ E-mail และเติมข้อ ความที่หายไปให้สมบูรณ์ มีทั้งหมด 4 บทความ แต่ละบทความมี 3 คำถาม รวมคำถามทั้งหมด 12 ข้อ

2.3 Reading Comprehension (ทำความเข้าใจเรื่องที่อ่าน) เป็นการอ่านเนื้อเรื่องแล้วตอบคำถาม- แบบเก่า มี 40 ข้อ- แบบใหม่ มี 48 ข้อ แบ่งออกเป็น Single Passages มี 7-10 บทความ แต่ละบทความจะมี 2-5 คำถาม รวมคำถาม 28 ข้อ Double Passages มีบทความอ่าน 4 คู่ ( เช่น E-mail โต้ตอบกับลูกค้า) แต่ละคู่มี 5 คำถาม รวมคำถาม 20 ข้อ