วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สวัสดีปีใหม่

สวัสดีปีใหม่

วันปีใหม่ ปีใหม่ วันขึ้นปีใหม่ ประวัติวันปีใหม่ เทศกาลวันปีใหม่
เทศกาลวันปีใหม่ เป็นเทศกาลแห่งความสุข การให้ของขวัญ ความเป็นมาของ วันขึ้นปีใหม่
Happy News year

ประวัติวันปีใหม่ เทศกาลวันปีใหม่
ประวัติวันปีใหม่ เทศกาลวันปีใหม่ ในอดีต วันขึ้นปีใหม่ของไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว 4 ครั้งคือ ครั้งแรกถือเอาวันแรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ซึ่ง ตรงกับเดือนมกราคม ครั้งที่ 2 กำหนดให้วันขึ้นปีใหม่ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ตามคติพราหมณ์ ซึ่งตรงกับเดือนเมษายน

ประวัติวันปีใหม่ การกำหนดวันขึ้นปีใหม่ใน 2 ครั้งนี้ ถือเอาทางจันทรคติเป็นหลัก ต่อมาได้ถือเอาทางสุริยคติแทน โดยกำหนดให้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ ตั้งแต่ พ.ศ.2432 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะตามชนบทยังคงยึดถือเอาวันสงกรานต์เป็น วันขึ้นปีใหม่อยู่ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ทางราชการเห็นว่าวันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน ไม่สู้จะมีการรื่นเริงอะไรมากนัก สมควรที่จะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ จึงได้ประกาศให้มีงานรื่นเริงวันขึ้นปีใหม่ในวันที่ 1 เมษายน 2477 ขึ้นใน กรุงเทพฯเป็นครั้งแรก

การจัดงานวันขึ้นปีใหม่ที่ได้เริ่มเมื่อวันที่ 1 เมษายน ได้แพร่หลายออกไปต่างจังหวัดในปีต่อๆมา และในปี พ.ศ.2479 ก็ได้มีการ จัดงานรื่นเริงปีใหม่ทั่วทุกจังหวัด วันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน ในสมัยนั้นทางราชการเรียกว่า วันตรุษสงกรานต์

ต่อมาได้มีการพิจารณาเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยคณะรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น ซึ่งมีหลวงวิจิตรวาทการ เป็นประธานกรรมการ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคม โดยกำหนดให้วันที่ 1 มกราคม 2484 เป็น วันขึ้นปีใหม่เป็นต้นไป

ประวัติวันปีใหม่ เหตุผลที่ทางราชการได้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จากวันที่ 1 เมษายนมาเป็นวันที่ 1 มกราคม ก็คือ
1. ไม่ขัดกับพุทธศาสนาในด้านการนับวัน เดือน และการร่วมฉลองปีใหม่ด้วยการทำบุญ
2. เป็นการเลิกวิธีนำเอาลัทธิพราหมณ์มาคร่อมพระพุทธศาสนา
3. ทำให้เข้าสู่ระดับสากลที่ใช้อยู่ในประเทศทั่วโลก Happy News year
4. เป็นการฟื้นฟูวัฒนธรรม คตินิยม และจารีตประเพณีของชาติไทย

เทศกาลวันปีใหม่ กิจกรรมที่ชาวไทยส่วนใหญ่มักจะยึดถือปฏิบัติในวันขึ้นปีใหม่ได้แก่
1. การทำบุญตักบาตร โดยอาจตักบาตรที่บ้าน หรือไปที่วัดหรือตามสถานที่ต่างๆที่ทางราชการเชิญชวนไปร่วมทำบุญ
2. การกราบขอพรจากผู้ใหญ่ และอวยพรเพื่อนฝูง การมอบของขวัญ การมอบช่อดอกไม้ หรือการส่งบัตรอวยพร
3. การจัดงานรื่นเริง การจัดเลี้ยงในหมู่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้องหรือตามหน่วยงานต่างๆ
วันขึ้นปีใหม่นับเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เราได้ทบทวนถึงการดำเนินชีวิตในอดีต เพื่อจะได้แก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นในอดีตให้ดีขึ้น

กิจกรรมใน วันขึ้นปีใหม่
ปีใหม่ วันที่ 1 มกราคม ของทุกปี
เทศกาลวันปีใหม่ จะมีการทำบุญตักบาตรและอุทิศส่วนกุศลผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ฟังเทศน์ ปล่อยปลา ปล่อยนก อวยพรซึ่งกันและกัน หรืออาจจะส่งการ์ดบัตรอวยพร ของขวัญไหว้ผู้ใหญ่เพื่อรับพร และสรงน้ำพระพุทธรูป ประดับธงชาติ และจะเตรียมทำความสะอาดบ้าน และที่พักอาศัย

............................................................................................

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

คริสต์มาส คือ การฉลองการบังเกิดของพระเยซูที่เราเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม คำว่า "คริสต์มาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษา อังกฤษ Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" คำว่า" Christes Maesse" พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษในปี 1038 และคำนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas

ในภาษาไทย "คริสต์มาส" ก็มีความหมายเช่นกัน คำว่า "มาส" แปลว่า"เดือน" เทศกาลคริสต์มาสจึง เป็นเดือนที่เราระลึกถึงพระเยซูคริสตเจ้าเป็นพิเศษ คำว่า"มาส" คือ"ดวงจันทร์" ตีความหมายในภาษาไทยคือพระเยซูทรงเป็นความสว่างของโลก เหมือนดวงจันทร์เป็นความ สว่างในตอน กลางคืน

Merry X'mas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณแปลว่า"สันติสุขและความสงบทางใจ" คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุขและความสงบทางใจ เนื่องในโอกาสเทศกาล คริสต์มาส ชาวไทยฉลอง"เฉลิมพระชนม์พรรษา" วันที่ 5 ธันวาคมเพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระมหากษัตริย์ ทุกปีชาวโรมันมีการระลึกถึงการสมภพของพระเจ้าจักรพรรดิ คนท้องถิ่นอื่นก็ระลึกถึง และเฉลิมฉลองวันเกิดของกษัตริย์หรือผู้ปกครองบ้านเมืองของตนด้วยความยินดี แม้แต่ชาวยิวในสมัยของ พระเยซูเอง ก็ฉลองการเกิดของกษัตริย์ เฮรอด เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดา ที่ชาวคริสต์ สมัยโบราณถือเอาประเพณีของชนในท้องถิ่นนั้น มาประยุกต์เข้ากับศาสนา โดยจัดให้มีการฉลองเพื่อระลึก ถึงการบังเกิดของพระเยซูที่เขายกย่องเหมือนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสากลโลก ผู้ทรงเกียรติเลอเลิศ ประเพณี นี้ ได้เริ่มมาจากรุงโรมในศตวรรษ ที่ 4 และ ค่อยๆ เผยแพร่ไปทุกทวีป
เราจะเห็นได้ว่าวันคริสต์มาสเป็นวันสำคัญวันหนึ่ง เพื่อเป็นการระลึกถึงวันที่พระบุตรของพระเจ้ามาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์เป็นพระเจ้า ที่จะอยู่กับเราตลอดไปเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ เป็นพี่หัวปีที่จะนำมนุษย์ทั้งมวลไปสู่พระบิดาเจ้า พระองค์เป็นความสำเร็จบริบูรณ์ ตามคำ สัญญาของพระเจ้าที่จะดูแลป้องกันรักษาเราผู้เป็นประชากรของพระองค์ เราเป็นเหมือนลูกแกะที่หายไป แต่พระเยซูเป็นชุมพาบาลใจดี ที่ ตามหาเราจนพบ และจะไม่มีอะไรที่จะแยกเรากับพระองค์ได้อีกเลย มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นชนชาติไหนจะรวยหรือจน คนศรัทธาหรือ คนบาป ล้วนมีความสำคัญต่อหน้าพระเจ้าเสมอ เพราะตั้งแต่การเสด็จมาบังเกิดของพระเยซูนั้น พระเป็นเจ้าพระบิดา ทรงเห็นพระฉายา ลักษณ์ของพระบุตรในมนุษย์ทุกคน เราก็เช่นเดียวกัน เราต้องรักซึ่งกันและกันเหมือนอย่างที่เรารักพระเจ้า มนุษย์ทุกคน ไม่ว่าคนเหล่านั้น จะเป็นคนยากจน คนต่างชาติ หรือคนที่วางตัวเป็นศัตรูกับเรา"เขาจะรักพระเจ้าที่เขามองไม่เห็นได้อย่างไร ถ้าเขาไม่รักพี่น้องที่มองเห็นได้" นี่แหละเป็นพระดำรัสที่พระเยซูประทานแก่เรา คนที่รักพระเจ้าต้องรักพี่น้องของตนด้วย

ต้นคริสต์มาส ในสมัยโบราณหมายถึงต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากินและทำบาปไม่เชื่อฟังพระเจ้า ตั้งแต่ ศตวรรษที่11 ชาวคริสต์แสดงละครที่หน้าวัด ถึงความหมายของคริสต์มาสและเอาตันไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลางเพื่อประดับฉาก แสดงถึง บาปกำเนิดของอาดัมและเอวาต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่หาง่ายที่สุดในประเทศเหล่านั้น การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ มีมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปีจนถึงศตวรรษที่15 พระสังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดง เนื่องจากการแสดงนั้นกลายเป็นการเล่น เหมือน ลิเกล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง และศาสนาซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลอง

ชาวบ้านรู้สึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสดูละครสนุกๆแบบนั้นอีก จึงไปสนุกกันที่บ้านของ ตน โดยเอาต้นไม้มาไว้ที่บ้าน เพราะต้นไม้เป็นจุดเด่นในลานวัด ที่เขาเคยร่วมสนุกกัน จากนั้นก็เริ่มมีการแขวนลูกแอปเปิ้ลและแขวนแผ่นขนมปังเพื่อระลึกถึงศีลมหาสนิท ซึ่งก็มีวิวัฒนาการ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ก็กลายเป็นขนมและของขวัญ อย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้

แม้ว่าประเพณีการตั้งต้นคริสต์มาสมีความเป็นมาดังกล่าว ชาวคริสต์ในสมัยนี้ก็ยัง นิยมทำกันอยู่ เพราะเห็นว่ามีความหมายถึงพระเยซู ผู้เปรียบเสมือนต้นไม้แห่งชีวิต ที่เขียวสดเสมอในทุกฤดูกาล ซึ่งหมายถึงนิรันดรภาพของพระเยซู และนอกจากนั้น ยังหมายถึงความสว่าง ของพระองค์เสมือนแสงเทียนที่ส่องในความมืด ทั้งยัง หมายถึงความชื่นชมยินดีและความสามัคคีที่พระเยซูประทานให้ เพราะต้นไม้นั้น เป็นจุดรวมของครอบครัวในเทศกาลนั้น

ซานตาครอส เป็นจุดเด่นหรือสัญลักษณ์ที่เด็กและผู้คนนิยมกันมากที่สุดในเทศกาลคริสต์มาส แต่ที่จริง ซานตาครอสแทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้เลย ชื่อซานตาครอส มาจากนักบุญ นิโคลาส เป็นนักบุญ ชาวฮอลแลนด์นับถือเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของเด็กๆ นักบุญองค์นี้เป็นสังฆราช ของ ไมรา มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่4 เมื่อชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่งอพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ ก็ยังรักษา ประเพณีนี้ไว้ คือฉลองนักบุญ นิโคลาส ในวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งหมายถึงนักบุญนี้จะ มาเยี่ยม เด็กๆ และเอาของขวัญมาให้เด็กอื่นๆ ที่ไม่ใช่ ลูกหลานของชาวฮอลแลนด์ที่อพยพมา ก็รู้สึกอยากมีส่วนร่วม ในประเพณีแบบนี้บ้างเพื่อรับของขวัญ ประเพณี นี้จึงเริ่มเป็นที่รู้จักและ แพร่หลายไปในอเมริกา โดย มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง คือ ชื่อนักบุญนิโคลาสก็เปลี่ยน เป็นซานตาคลอส และแทนที่จะเป็น สังฆราชซึ่งเป็นนักบุญองค์นั้นก็กลายเป็น ชายแก่ที่อ้วนใส่ชุดสีแดงอาศัย อยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อน เป็นยานพาหนะมีกวางเรนเดียร์ลาก และจะมาเยี่ยมเด็กทุกคนในโลกนี้ในโอกาสคริสต์มาส โดยลงมา ทางปล่องไฟของบ้าน เพื่อเอาของขวัญมาให้ เด็กเหล่านั้นตามความประพฤติ ของเขา
ลักษณะภายนอกของซานตาคลอสที่ถูกสมมติขึ้นนี้ เหมือนกับจะลอกเลียนแบบมาจาก Thor ซึ่งเป็น เทพเจ้า ในนิยายโบราณของเยอรมัน และ ลอกเลียนแบบนักบุญนิโคลาส ที่นำของขวัญมาแจกเด็กๆ อันที่จริง ซานตาคลอส เป็นรูปแบบที่น่ารัก เหมาะสำหรับเป็นนิยายให้เด็กๆ เชื่อ แต่ อาจจะทำให้คน ทั่วไปหันมาสนใจ ให้ความสำคัญในตัวนิยายนี้ แทนการบังเกิดของพระ เยซู ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลาง ของเทศกาลคริสต์มาสนี้

การร้องเพลงคริสต์มาส
เพลงคริสต์มาสที่เรานิยมร้องมากที่สุดในปัจจุบันได้แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 19 จากประเทศอังกฤษเป็น ส่วนใหญ่ เพลงที่มีเสียงมากได้แก่ Silent Night, Holy Night เป็นภาษาไทยว่า "ราตรีสวัสดิ์ ราตรีสกัด" ความเป็นมาของเพลงนี้คือ วันก่อนวัน คริสต์มาส ของปี ค.ศ. 1818 คุณพ่อ Joseph Mohr เจ้าอากาสวัดที่ Oberndorf ประเทศออสเตรเลีย ได้ข่าวว่าออร์แกน ในวัดเสีย ทำให้วงขับไม่สามารถ ร้องเพลงตามที่ซ้อมไว้ได้ คุณพ่อเองตั้งใจจะแต่งเพลงคริสต์มาส หลังจากแต่งเสร็จก็เอาไปให้เพื่อน คนหนึ่งชื่อ Franz Gruber ที่อยู่หมู่บ้านใกล้ เคียงใส่ทำนองในคืนวันที่ 24 นั้นเอง สัตบุรุษ วัดใกล้ก็ได้ฟังเพลง Silent Night เป็นครั้ง แรก โดยการเล่นกีตาร์ประกอบการขับร้อง ซึ่งกลายเป็น เพลงที่นิยมมากที่สุดทั่วโลก

การทำมิสซาเที่ยงคืน เมื่อพระสันตะปาปาจูลีอัสที่1 ได้ประกาศให้วันที่ 25 ธันวาคมเป็นฉลองพระคริสตสมภพ (วันคริสต์มาส) แล้วในปี นั้นเองพระองค์และสัตบุรุษ ได้พากันเดินสวดภาวนา และขับร้องไปยังตำบลเบธเลเฮม ยังถ้ำที่พระเยซูเจ้าประสูติ พอไปถึงก็เป็น เวลาเที่ยงคืน พระสัน ตะปาปาก็ทรงถวายบูชา ณ ที่นั้น เมื่อเสร็จแล้วก็กลับมาที่พักเป็นเวลาเช้ามืดราวๆ ตี 3 พระองค์ก็ถวายมิสซาอีกครั้ง และ สัตบุรุษเหล่านั้นก็พากันกลับ แต่ก็ยังมีสัตบุรุษหลายคนที่ไม่ได้ไป พระสันตะปาปาก็ทรงถวายบูชามิสซาอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ 3 เพื่อ สัตบุรุษเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้เองพระ สันตะปาปาจึงทรงอนุญาตในพระสงฆ์ถวายบูชามิสซาได้ 3 ครั้ง ในวันคริสต์มาส เหมือนกับการปฏิบัติ ของพระองค์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจึงมี ธรรมเนียมถวายมิสซาเที่ยงคืน ในวันคริสต์มาส และพระสงฆ์ก็สามารถถวายมิสซาได้ 3 มิสซา ใน โอกาสวันคริสต์มาสเช่นเดียวกัน

เทียนและพวงมาลัย ในสมัยก่อนมีกลุ่มคริสตชนกลุ่มหนึ่งในเยอรมัน ได้เอากิ่งไม้มาประกอบ เป็นวงกลมคล้ายพวงมาลัย แล้วเอาเทียน 4 เล่ม วางไว้บนพวงมาลัยนั้นในตอน กลางคืนของวันอาทิตย์ แรกของเทศกาลเตรียมรับเสด็จ ทุกคนในครอบครัวจะมารวมกัน ดับไฟ แล้วจุดเทียนเล่มหนึ่ง สวด ภาวนาและร้องเพลงคริสต์มาสร่วมกัน เขาจะทำดังนี้ทุก อาทิตย์จนครบ 4 อาทิตย์ก่อน คริสต์มาส ประเพณีนี้เป็นที่นิยม และแพร่หลายในที่หลายแห่ง โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาซึ่งต่อมา มีการเพิ่ม โดยเอาพวงมาลัยพร้อมกับเทียนที่จุดไว้ตรง กลาง 1 เล่มไป แขวนไว้ที่หน้าต่างเพื่อช่วย ให้คนที่ผ่าน ไปมา ได้ระลึกถึงการเตรียมตัวรับวันคริสต์มาสที่ใกล้เข้ามา และพวงมาลัยนั้นยังเป็น สัญลักษณ์ที่คน สมัยโบราณใช้หมายถึงชัยชนะ แต่ในที่นี้หมายถึงการที่พระองค์มาบังเกิดในโลก และทำให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างครบ บริบูรณ์ตามแผนการณ์ ของพระเป็นเจ้า

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

5 ธันวาคม วันพ่อแห่งชาติ


อันราชาเลี้ยงรักษาซึ่งทวยราษฎร์ควรที่บุตรสุดที่รักจักจุนเจือ
ประดุจเป็นปิตุราชอยู่ทุกเมื่อพระคุณนั้นให้อะเคื้อด้วยภักดี


5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางราชการได้กำหนดให้เป็นวันหยุดราชการหนึ่งวัน เพื่อให้ประชาชนชาวไทย ได้ร่วมกันเฉลิมฉลองในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ ถือเป็นวันพ่อแห่งชาติ อีกวันหนึ่งด้วย วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความเป็นมาของวันสำคัญ คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชสมภพเมื่อ วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ณ โรงพยาบาล เมาท์ ออเบิร์น นครบอสตัน สหรัฐอเมริกา โดยนายแพทย์วิทท์มอร์ เป็นผู้ถวายการประสูติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นรัชกาลที่ 9 แห่งบรมจักรีวงศ์ กรุงรัตนโกสินทร์ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจและเจริญพระราชจริยาวัตรเป็นเอนกประการ จำเนียรกาลผ่านมาถึงปัจจุบันที่สุดจะพรรณนาให้ครบถ้วนได้ ท่ามกลางมหาสมาคมวันพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก ทรงมีกระแสพระราชดำรัสที่พสกนิกรทุกคนยังจดจำได้ "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม" อันคำว่าโดย "ธรรม" นั้น ทรงหมายถึง ธรรมอันล้ำเลิศที่เรียกว่า "ทศพิธราชธรรม" หรือที่เรียกกันโดยสามัญว่า "ราชธรรม 10 ประการ" ราชธรรม 10 ประการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงยึดมั่นทรงปฎิบัติโดยเคร่งครัด และส่งผลถึงพสกนิกรทั่วพระราชอาณาจักรนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเหนือเกล้าฯ วันพ่อแห่งชาติ ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษาเป็นผู้ริ่เริ่ม หลักการและเหตุผลในการจัดตั้งวันพ่อ โดยที่พ่อเป็นผู้มีพระคุณที่มีบทบาทสำคัญ ต่อครอบครัวและสังคม สมควรที่ผู้เป็นลูกจะเคารพเทิดทูนตอบแทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสมควรที่สังคมจะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อ จึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปีซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาเป็น "วันพ่อแห่งชาติ" ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างนานัปการ ทรงเป็นพระราชบิดาของพระราชโอรสและพระราชธิดา ทรงรักใคร่และห่วงใยตั้งแต่พระเยาว์จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งพระเจ้าหลานเธอทุกพระองค์ต่างซาบซึ้งและปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณอย่างมิรู้ลืม พระองค์ทรงเป็น "พ่อ" ตัวอย่างของปวงชนชาวไทยที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตากรุณา ทรงห่วงใยอย่างหาที่เปรียบมิได้

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Gat41 คำตอบและคำตอบที่ทุกคนไม่ได้ตอบคือ...

บทความที่1 21คำตอบ

บทความที่2 20 คำตอบ

และคำตอบของบทความที่1 หลังจากถามเพื่อนที่ได้เต็มก็คือ

1. ทำประมงในเขตหวงห้าม

2. การพัฒนาพื้นที่ชายฝั่ง

3. ห้ามขายเนื้อและไข่เต่า

4. ห้ามรุกล้ำพื้นที่วางไข่

5. ไข่เต่าจำนวนลดลง

6. คนจนในฮ่องกงกินเนื้อและไข่เต่า

7. จำนวนเต่าลดลง

8. ชาวต่างชาตินิยมกินเนื้อและไข่เต่า

9. ภัยคุกคามเต่าทะเลสีเขียว

10. มาตรการอนุรักษ์เต่าทะเลสีเขียว

01 05A 07A

02 05A 07A

03 05F 07F

04 01F 05F 07F05 99H

06 05A 07A

07 99H

08 05A 07A

09 01D 02D 06D 08D

10 03D 04D

และข้อที่ทุกคนไม่ตอบกันคือข้อ4 ต้องตอบ 01F ด้วยห้ามลุกล้ำพื้นที่วางไข่ มันจะ ไปยับยั้งการทำประมงในเขตหวงห้ามด้วย

วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อ่านหนังสือช่วงไหนนาทีทอง

ในทางวิทยาศาสตร์ด้านสมองเค้าบอกว่า การท่องหนังสือในเวลากลางคืนเป็นสิ่งที่ไม่แนะนำค่ะ เพราะว่าเวลากลางคืนเป็นเวลาที่เราควรนอนหลับ ซึ่งการนอนหลับ สมองเราจะมีการจัดระเบียบความทรงจำและบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่เราตื่นนอนจนเราเข้านอนค่ะ ซึ่งการจำอะไรให้มีประสิทธิภาพ ก็จำเป็นต้องนอนให้เพียงพอด้วย
ส่วนเวลาที่เหมาะสมเป็น "นาทีทอง" ในการจำนั่นก็คือ เวลาช่วงเช้านั่นเองค่ะ เพราะการจัดระเบียบความจำเกิดขึ้นตอนที่เรานอนหลับ เพราะฉะนั้นสมองของเราในช่วงเช้าจะปลอดโปร่ง เหมาะสำหรับการใช้งานอย่างเต็มที่ ซึ่งถ้าอ่านหนังสือช่วงนี้ได้ ก็เรียกว่าการจำก็จะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นค่ะ แถมยังเป็นช่วงที่เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้การสร้างสรรค์หรืองานเขียนต่างๆ อีกด้วยนะ

วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552

10 เคล็ดลับการอ่านหนังสือสอบ

10 เคล็ดลับ จำง่าย การอ่านหนังสือสอบ
1. ปิด ทีวี คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต mp3 มีสติอยู่กับหนังสือ
2. นั่งสมาธิสัก 5 นาที
3. อ่านหนึ่งรอบ แล้วสรุป โดยไม่เปิดหนังสือ
4. เช็คคำตอบ
5. อ่านอีกหนึ่งรอบ
6. สรุปใหม่ เปิดหนังสือได้เอาไว้อ่าน
7. ถ้าทำเป็น Mind Mapping จะอ่านง่ายขึ้น
8. มีเอกสารอะไรที่ครูแจก อย่าคิดว่าไม่สำคัญ
9. ท่องในส่วนที่ครูพูดย้ำบ่อยๆ อย่างน้อย 2 ครั้ง/คาบ
10. ก่อนวันสอบ ห้ามหักโหมอ่านหนังสือถึงเที่ยงคืน เพราะสมองจะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ตัวย่อภาษาอังกฤษน่ารู้ ดู ดู๊ ดู...

A
ASAP = As soon as possible = เร็วสุดเท่าที่เร็วได้
ATM = At the moment = ในตอนนี้ (ไม่ใช่ตู้ ATM นะ แต่ย่อเหมือนกัน)
B
BC = Because = เพราะว่า
BG = Big grin = (ยิ้มอยู่)
BOTOH = But on the other hand = แต่ในทางกลับกัน
BTDT = Bee n there, done that = ไปมาแล้วทำเรียบร้อยแล้ว
BTW = By the way = อย่างไรก็ตาม
C
COZ = Because = เพราะว่า
CU = See you = แล้วเจอกัน
CUL or CUL8R = See you later = แล้วเจอกัน
E
EZ = Easy = ง่าย
F
FAQ = Frequently asked questions = คำถามที่ถามบ่อย
FYI = For your information = แจ้งเพื่อรับทราบ
G
GJ = Good job = ทำได้ดีมาก!
GL = Good luck = โชคดีนะ
GRT = Great = เยี่ยม!
GW = Good work = ทำได้ดีมาก
H
HAND = Have a nice day = โชคดีนะ
I
IC = I see = เข้าใจล่ะ
IMO = In my opinion ฉันคิดว่า...
IMPOV = In my point of view = ฉันคิดว่า....
IOW = In other words = ถ้าจะพูดอีกอย่างก็..
IRL = In real life = ในชีวิตจริง
J
JIC = Just in case = เผื่อไว้
JTLYK = Just to let you know = แค่บอกให้รู้ไว้
K
KIS = Keep it simple = เอาง่ายๆ
KIT = Keep in touch = ติดต่อกันอีกนะ
L
LOL= Laughing out loud = หัวเราะ 555+
N
NBD = No big deal = ไม่มีปัญหา เรื่องเล็กน้อย
NP = No problem = ไม่มีปัญหา
NVM = Never mind = ไม่เป็นไร
O
OMG = Oh my god = โอ้ พระเจ้า
P
PCM = Please call me = โทรมาหาที
PLS = Please = ได้โปรด
PLZ = Please = ได้โปรด
Q
Q = Question = คำถาม
S
SIT = Stay in touch = แล้วติดต่อกันใหม่
SOZ, SRY = Sorry = ขอโทษที
SYS = See you soon = แล้วพบกันใหม่
T
THX = Thanks = ขอบใจจ้า
TIA = Thanks in advance = ขอบคุณล่วงหน้า
TY = Thank you = ขอบคุณ
U
U = You = คุณ
W
WB = Welcome back = ขอต้อนรับกลับมา
WFM = Works for me = สำหรับฉันแล้วได้ผลนะ
X
XOXO = Hugs and kisses = รักนะจุ๊บๆ
Y
Y = Why = ทำไมหละ
YW = You are welcome ด้วยความยินดี

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ตุลา

เดือนตุลาแล้วนะเพื่อนๆมีสอบหลายอย่างมากมายตั้งใจอ่านหนังสือกันเยอะๆๆ(เยอะเว่อร์อ่ะ)อย่าเพิ่งท้อหล่ะเราจะเป็นกำลังใจให้ทุกคนเสมอนะ สู้ๆๆ+

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

ความรู้รอบตัว..ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
1.ยุงบินด้วยความเร็ว 5 ไมล์ต่อชั่วโมง...
2.ผีเสื้อบินด้วยความเร็ว 20 ไมล์ต่อชั่วโมง...
3.เส้นผมคนรับน้ำหนักได้ 3 กิโลกรัม...
4.เสียงกรนที่ดังที่สุดดังถึง 87.5 เดซิเบลล์
5.พอล แมคคาร์ที เป็นเจ้าของลิขสิทธิเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ถ้าจะนำมาออกรายการต้องซื้อลิขสิทธิก่อน...
6.เหรียญทองโอลิมปิกต้องมีแร่เงินผสมอยู่ 92.5 เปอร์เซนต์...
7.หอเอนเมืองปิซาเอนไปทางใต้...
8.กษัตริย์หลุยส์ที่ 14 อาบน้ำทั้งหมด 3ครั้งในชีวิต...
9.ฮิตเลอร์แสกผมข้างซ้าย...
10.ผู้หญิงที่เกาะฮาวายที่ทัดดอกไม้ที่หูข้างซ้าย แสดงว่ามีเจ้าของแล้ว...
11.เราไม่สามารถฆ่าตัวตายด้วยการกลั้นหายใจได้...
12.ผู้หญิง 3.9 เปอร์เซนต์ไม่ชอบใส่กางเกงใน...
13.ฮิปโปผายลมทางปาก...
14.ประเทศซาอุดิอราเบียไม่มีแม่น้ำ...
15.กังหันทั้งโลกหมุนทวนเข็มนาฬิกา ยกเว้นที่ไอร์แลนด์...
16.เด็กนักเรียนอายุ15 ปีขึ้นไปในบังคลาเทศจะถูกจับเข้าคุกถ้า"โกงข้อสอบ"...
17.ปลาที่อาศัยในน้ำลึกเกิน 800 เมตร จะไม่มีตา...
18.ผมคนเราจะร่วงประมาณ 200 เส้นต่อวัน...
19.ตัว"โอ"เป็นสระที่เก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ...
20.คนพูดประมาณ 120 คำต่อนาที
21.ฝ่ามือและฝ่าเท้าของคนเราไม่สามารถไหม้ได้...
22.อูฐสามารถหมุนหัว 180 องศา
23.ถ้าปลาไหลไฟฟ้าอยู่ในน้ำเค็ม จะถูกช็อตตาย...
24.ขั้นบันไดในไทยจะเป็นเลขคี่...
25.เจ้าฟ้าชายชาลส์ชอบสะสมฝาโถส้วม...
26.คนมีโอกาสตายจากผึ้งต่อยมากกว่างูกัด...
27.ประเทศวาติกันมีประชากรประมาณ 1000 คน
28.เมื่อคุณจาม หัวใจคุณจะหยุดเต้นเสี้ยววินาที
29.มันเปนไปมะได้อ่ะคับ ถ้าคุณจะจามโดยไม่หลับตา
30.เดิมโคคาโคล่าเป็นสีเขียว
31.ชื่อที่โหลที่สุดในโลกคือ Mohammed
32.กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคือลิ้น
33.แต่ละโพหลังไพ่ แสดงถึงกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่จากประวัติศาสตร์ - โพดำกษัตริย์เดวิด - ดอกจิก อเล็กซานเดอร์มหาราช - โพหัวใจ ชาร์ล เลอ มาญ - ข้าวหลามตัด จูเลียส ซีซาร์
34. อนุสาวรีย์ของใครสักคนที่อยู่บนหลังม้า และม้ายกสองขาขึ้นบนอากาศแปลว่าคนนั้นตายในสงคราม
35.ถ้าม้ายกขาข้าเดียวแปลว่า เขาบาดเจ็บในสงคราม และตายจากการบาดเจ็บนั้น
36.ถ้าทั้งสี่ขาของม้าอยู่บนพื้น แสดงว่าตายโดยธรรมชาติ

37.ใน 4000 ปีที่ผ่านมา ไม่มีสัตว์ชนิดใหม่ๆที่ถูกทำให้เชื่อง
38.เชคสเปียร์ เป็นคนคิดค้นคำว่า assassination (การลอบฆ่า) และ bump (ชน กระทบ)
39.หัวใจมนุษย์สร้างความดันเพียงพอที่จะปั๊มเลือดออกจากร่างกายไป 30 ฟุต
40. หนูสามารถสืบพันธ์ได้เร็มาก ใน 18 เดือน หนูสองตัวจะสามารถมีทายาทมากกว่าล้านตัว
41.การใส่หูฟังแค่ชั่วโมงเดียว ทำให้แบคทีเรียในหูเพิ่มขึ้น700เท่าตัว
42.ลิปสติกส่วนใหญ่มีส่วนประกอบของเกล็ดปลา
43.เหมือนกับลายนิ้วมือ....ลายลิ้นทุกคนต่างกัน
44.นิตยสาร time ได้ยกย่องให้คอมพิวเตอร์เป็นบุคคลแห่งปีในปีค.ศ.1982
45.สถิติจูบนานที่สุดในโลกเป็นของหลุยซา แอลเมโดวาร์ วัย 19 ปีกับแฟนหนุ่ม ริชแลงเลย์ วัย 22 ปีพวกเขาทำสถิติไว้ที่30.59.27 ชม.
46.ตอนที่ f4 ไปเปิดคอนเสิร์ตที่อินโดนีเซียทำให้เด็กนักเรียนเกือบ100คน ต้องเรียนซ้ำชั้น เพราะไม่ได้ไปลงทะเบียนเรียนเทอม 2
47.บริษัทผู้ผลิตยาสีฟันดาร์ลี่เป็นเจ้าของเดียวกันกับที่ผลิตยาสีฟันคอลเกต
48.โดนัลด์ ดักส์ ถูกแบนในประเทศฟินแลนด์ เพราะมันไม่ได้สวมกางเกงใน
49.ภาพยนต์เรื่อง nothing hill จ่ายค่าตัวจูเลีย โรเบิร์ต 15ล้านเหรียญ ( 660 ล้านบาท ) ในขณะที่พระเอกอย่างฮิว แกรนจ์รับค่าตัวเพียง 1 ล้านเหรียญ (45 ล้านบาท)
50.หนังอนิเมชันเรื่อง SouthPark ได้รับการบันทึกลงในหนังสือกินเนสส์บุ๊กว่าเป็นหนังอนิเมชั่น เรื่องยาวที่หยาบคายที่สุดในโลกสถิติบันทึกไว้ว่า มีการใช้คำหยาบ 399 คำ พฤติกรรมรุนแรง 221 ครั้ง และแสดงท่าทางหยาบคาย 128ครั้ง
51.ขนมทอดกรอบตรา ปูไทย ระบุว่าไม่มีส่วนผสมของเนื้อปู
52.ในน้ำทะเล 100 ตัน จะมีทองคำอยู่ประมาณ 4 กรัม
53.จำนวนแถวของข้าวโพดในแต่ละฝักจะเป็นเลขคู่
54.จิงโจ้เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่เดินถอยหลังไม่ได้
57.ยุงชอบเลือดเด็กมากกว่าเลือดผู้ใหญ่
58.แมงมุมทอดรสชาติเหมือนถั่ว
59.ฟันของแมลงสาบอยู่ในท้อง
60.เม่นทุกตัวลอยน้ำได้
61.หมู มีโอกาสเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง
62.นอกจากมนุษย์แล้ว หมีขั้วโลกและจิงโจ้ต่างก็จูบเป็น ส่วนลิงชิมแปนซีนั้นจูบแบบ "เฟรนช์คิส" ได้ด้วย63.คนถนัดขวามีอายุเฉลี่ยยืนยาวกว่าคนถนัดซ้ายถึง 9 ปี
64.Hippopotomonstrsesquippedaliophobia คือ ชื่ออาการของคนที่หวาดกลัวคำอ่านยาวๆ
65.ผู้ที่เกิดเดือนมกราคม - มีนาคม มีแนวโน้มเป็นโรคจิตและโรคคลั่งมากกว่าเดือนอื่นๆ
66.แก้วไม่ได้เป็นของเเข็ง เเต่เปนของเหลว
67.สมองคนเราหนักประมาณ 3% ของน้ำหนักของร่างกาย แต่ใช้เลือดไปเลี้ยงถึง 15% ของเลือดทั้งหมด68.เลือดของกุ้งมังกรเปนสีน้ำเงิน
69.รู้หรือเปล่าว่าเว็บgoogleไม่ได้มีประโยชน์แค่หาข้อมูล แต่เป็นเครื่องคิดเลขได้ (ลองใส่ 5+2 หรือเลขอะไรก้อได้ในช่อง แล้วกด Search ดูจิ)

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552

7 มารยาทที่คุณห้ามทำในต่างประเทศ

7 Innocent Gestures That Can Get You Killed Overseas

อันดับ 7 ห้ามแบมือต่อหน้าชาวกรีก (Extend Your Hand, Palm Outward in Greece)
สากล:พอแล้วครับอิ่มแล้วครับ (เป็นภาษากายประมาณว่าผมไม่เอา)
กรีก: "นี่นายว่าหน้าฉันมีอุจจาระเรอะ!!"
ในประเทศกรีกการแสดงอากัปกิริยาโดยทำแผ่ฝ่ามือแบบนี้ต่อหน้าชาวกรีกนั้น ถือว่าเป็นการดูถูกพวกเขาครับ มันที่มาคือ ในสมัยอาณาจักรไบเวนไทน์ Byzantine เมื่อใดที่อาชญากรทำผิดอาญาเขาจะจับคนนั้นขังบนกรงและแห่เป็นขบวนพาเหรดบนหลังม้าตามท้องถนน และผู้คุมจะสีดำลงในหน้าของนักโทษเพื่อประจาน ถือว่าอับอายมากๆ ดังนั้นเวลาชาวกรีกเห็นคุณทำมือแบบนี้ละก็ ชาวกรีกจะนึกว่าคุณกำลังดูถูกพวกเขาอย่างมากๆ เพราะคุณเปรียบพวกเขาเหมือนนักโทษที่น่าอับอายนี้เอง


อันดับ 6 ห้ามยกนิ้วโป้งที่ประเทศตะวันออกกลาง (Give the Thumbs-Up In The Middle East)


สากล: "กู๊ด มันยอดเยี่ยม"
ตะวันออกกลาง: "เดี๋ยวฉันจะเอานิ้วโป้งนายยัดรูตูดเอ็ง"
มันไม่เหมาะอย่างยิ่งที่ยกหัวนิ้วโป้งในตะวันออกกลางนี้ แม้ว่ายกนิ้วโป้งจะเป็นการแสดงอากิริยาสากลก็เถอะ เราไม่รู้ที่มาการห้ามนี้มาจากที่ใด แต่สัญลักษณ์การยกนิ้วหัวแม่มือนั้นเป็นสัญญาณที่เคยมากว่าพันปีมาแล้วในสมัยโรมัน การต่อสู้ในสังเวียนเลือด(โคโลเซียมหรือเวทีประลอง) พวกนักต่อสู้(ซึ่งเป็นทาส คนผิวดำ ยิว)ที่แพ้ในเวทีจะถูกตัดสินโดยเจ้าภาพว่าจะอยู่หรือตาย โดยถ้าเจ้าภาพจะทำมือเอานิ้วหัวแม่มือขึ้น-ลง ถ้ายกนิ้วโป้งขึ้นจะรอด แต่ถ้ายกหัวนิ้วมือลงนักสู้คนนั้นจะโดนฆ่า และแหล่งกำเนิดนี้ถูกนำไปเผยแพร่รอบๆ อาณานิคมของโรมในที่สุด ซึ่งมันก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นจริงความหมายดั้งเดิมของมันคงจะเป็น "อย่าฆ่านักโทษนะเว้ย เพราะตรูเป็นเจ้าชีวิตของพวกมัน"



อันดับ 5 มารยาทอาหารในไทย/ฟิลิปปินส์/จีน (Finish Your Meal In Thailand / The Philippines / China)




สากล:นี้เป็นอาหารอร่อย แต่ตอนนี้กระเพาะผมจุไม่ได้แล้วครับ ขออภัยด้วยที่กินเหลือ
เอเชีย: มองด้วยสายตาไม่พอใจ......
เจ้าภาพ-เจ้าของบ้าน(ของประเทศทั้งสาม)นั้นให้ความสำคัญกับแขกเวลามาบ้านคุณ พวกเขาจะจัดทำอาหารอย่างดีที่สุด โดยเลือกวัตถุดิบดีๆที่สุด อย่างไรก็ตามราคาวัตถุดิบในการทำอาหารในประเทศนั้นค่อนข้างแพงทำให้เจ้าของบ้านทำอาหารให้พอเหมาะแก่ความต้องการต่อแขกเท่านั้น


อันดับ 4 ห้ามพบปะสนทนากับเพศตรงข้ามในซาอุดิอาระเบียโดยเปิดเผยต่อหน้าคนอื่น (Say "Hi" to a Member of the Opposite Sex in Saudi Arabia)



สากล: "สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก"
ซาอุฯ: "สวัสดี ตอนนี้คุณมีความผิดฐานร่วมประเวณีผิดศิลธรรมของประเทศเราแล้วละ ชื่อของคุณจะอยู่แฟ้มประวัติอาชญากรรมแน่นอน"
ซาอุดิอาระเบียมี กฎหมายที่เคร่งศาสนาเพื่อป้องกันการผิดศีลธรรมต่างๆ นาๆ คุณอาจเห็นกฎหมายห้ามชายและหญิงมีชู้, ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว(มันก็ดีนี้น่า) แต่ถ้าใครละเมิดอาจจะได้รับบทลงโทษที่แสนรุนแรงตามมาแน่นอน หนึ่งในนั้นก็มีกฎหมายห้ามผู้หญิง(รวมถึงผู้หญิงต่างชาติ)จับมือทักทายผู้ชายต่อหน้าสาธารณชนหรือสมาคม และผู้ชายใดๆ ที่ไม่ใช้สามีของเธอโดยปราศจากผู้ที่ไปเป็นเพื่อน ซึ่งเคยมีตัวอย่างมาแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2008 ผู้หญิงสหรัฐคนหนึ่งที่ติดต่องานโดยสนทนาและจับมือกับผู้ชายในStarbucks และถูกการจับกุมและถึงขั้นขึ้นศาล


อันดับ 3 ห้ามให้ดอกไม้เลขคู่ในรัสเซีย (Give an Even Number of Flowers in Russia)



สากล: "ฉันชอบเสน่ห์ของเธอเหลือเกิน มันเลยขอมอบดอกไม้ให้แทนความรู้สึกของเรา
รัสเซีย: "ตาย! ตาย! ตาย! อ๊าคคคคคคคคคคคค"
ในรัสเซียดอกไม้จำนวนเลขคู่นั้นใช้ในงานศพเท่านั้นนะครับ และแน่นอนเกิดขึ้นเอาดอกไม้จำนวนคู่เป็นของขวัญให้คนรัสเซียละก็มีหวังได้เห็นหมัดแน่นอน เพราะมันเหมือนกับเราแช่งให้เขาตายเร็วๆ เวลาจะให้ดอกไม้แก่คนรัสเซียควรให้ดอกไม้เลขคี่ดีกว่าและคนรัสเซียก็ไม่ให้ความสำคัญแก่สีของดอกไม้มากนัก
พูดถึงรัสเซีย รัสเซียนี้มีประวัติวัฒนธรรมประเพณีที่ยาวนาน ถ้าเราศึกษาดีๆ จะพบข้อที่ห้ามทำนรัสเซียอยู่เยอะ เช่น ไม่ควรจับมือหรือหอมแก้มทักทายที่ประตูทางเข้าบ้าน,ห้ามปฏิเสธการดื่มอวยพร,เวลาไปเยี่ยมต้องเอาของที่ระลึกเป็นให้เจ้าภาพด้วย เป็นต้น


อันดับ 2 ห้ามให้ของขวัญด้วยมือซ้ายข้างเดี่ยวในบางประเทศ ( Give a Gift With Your Left Hand, Pretty Much Anywhere)



สากล: ฉันมาแสดงความยินดีกับงานแต่งลูกสาวของคุณ เธอสวยมาก ฉันขอมอบของขวัญให้แก่ลูกสาวของคุณ เพราะฉันรักคุณ (ส่งด้วยมือซ้าย)
บางประเทศ: (อีกฝ่ายคิด)ฉันมาแสดงความยินดีกับงานแต่งลูกสาวของคุณ เธอไร้ค่ามาก เหมือนอาเจียนของสุนัขที่ฉันไปเจอมา ฉันขอมอบของขวัญนี้ให้ เพราะฉันเกลียดคุณ(ว่ะ)
ในบางประเทศถือได้ว่ามือซ้ายเป็นมือที่สกปรก โสโครก เพราะเรามักใช้มือซ้ายจับได้สิ่งที่ไม่ดีหลายอย่าง เช่นเรามักใช่มือซ้ายในการชำระล้างสิ่งปฏิกูลเวลาเข้าส้วม(สำหรับคนถนัดขวานะ,ลูบหน้า,นอกจากนั้นในบางวัฒนธรรมในบางประเทศเชื่อว่าคนถนัดซ้ายคือสมุนของซาตาน ส่วนคนถนัดขวาคือมนุษย์ ซึ่งในหลายประเทศที่ห้ามส่งของขวัญด้วยมือซ้ายก็มี อินเดีย,แอฟริกา, ศรีลังกา,ประเทศตะวันออกกลาง
พูดถึงการให้ของขวัญแก่คนต่างประเทศนี้ก็มีข้อความรู้อีกเยอะ เช่น อย่าใช้กระดาษขาวมาห่อของขวัญแก่คนจีน, อย่าให้ดอกไม้สีขาวแก่ชาวบังคลาเทศ ซึ่งมันอาจเป็นมารยาทเล็กๆ ที่คุณอาจต้องรู้ไว้เวลาจะถูกมิตรกับคนต่างชาติ เพราะคนต่างชาติไม่มองคุณเป็นคนขี่ม้าที่สี่ของบันทึกทางศาสนาของยิวแน่นอน(กษัตริย์ทั้งสี่ในศาสนาคริสต์ที่มอบของขวัญแก่พระเยซูคริสต์ในช่วงประสูติ)


อันดับ 1 ห้าม "OK" ที่บราซิล (Give the "OK" Sign in Brazil)



สากล:ตกลง!! โอเค
บราซิล:ฮายบราซิล!! ฉันคือ ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) ของ USA ฉันกำลังจะไปแตะผ่าหมากคุณแล้ว
บราซิล คือดินแดนแห่งสาวสวย หาดทรายขาว และวัฒนธรรมเปิดกว้างเป็นมิตร แต่ถ้าคุณทำมือโอเคแก่ชาวบราซิลละก็ จากมิตรจะกลายเป็นศัตรูทันใด!!
ในบราซิลการทำมือ โอเคหรือตกลงนั้นไม่ควรนำมาใช้อย่างยิ่งเพราะการทำมือ "ตกลง" เป็นการแสดงอากัปกิริยาเทียบเท่าได้กับ"ฟักยู" ในอเมริกา(โชว์นิ้วกลาง)
เราไม่รู้ว่าประวัติของการห้ามทำสัญญามือของบราซิลนี้มีที่มาอย่างไร แต่มันก็เคยเกือบเป็นปัญหาประทศมาแล้วเมื่อ ปี 50 นิกสันมายืนอเมริกาและในขณะก้าวจากเครื่องบิน ฝูงชนรัวกล้องถ่ายรูปประชิดตัว และขณะนิกสันกำลังก้าวไปขึ้นรถนั้นเอง เขาก็ทำมือโอเคทักทายต่อหน้ากล้องและประธานาธิปตรีคนแรกของบราซิล แน่นอนคนบราซิลก็นึกว่านิกสันจะเตะผ่าหมากคนทั้งบราซิล
สรุปก็คือการมาเยือนของนิกสันในบราซิลครั้งนี้ก็คือการถูกต้อนรับด้วยปัสสาวะ,อึ ที่กระหนำปาใส่รถลีมูซีนที่ท่านนั่งอยู่ตลอดสองข้างทาง.......
ในประเทศจีน ถ้าคุณกินหมดจนคำสุดท้าย มันแปลว่าเขาให้อาหารคุณไม่พอกิน เพราะงั้น ไม่ว่าอาหารนั้นจะอร่อยแค่ไหน คุณก็ต้องกินเหลือไว้อย่างน้อยคำหนึ่งเสมอ และในจีน ถ้าคุณกินไปคุยไป (คุยในขณะที่อาหารเต็มปาก) และถึงกับเรอเมื่ออิ่มนั้น เป็นมารยาทดีสุด ๆ

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552

5 คณะยอดนิยม

5 คณะยอดนิยมของทั้งชาย หญิง
ปีที่แล้วมหาวิทยาลัยมหิดลได้เผยข้อมูลความนิยมในแต่ละคณะ โดยสุ่มตัวอย่างจากทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พบว่า
5 คณะยอดนิยมของเยาวชนชาย คือ
คณะวิศวกรรมศาสตร์ 16.2%
คณะแพทย์ศาสตร์ 15%
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 8.4%
คณะนิติศาสตร์ 7.9%
คณะรัฐศาสตร์ 7.4%

ส่วนเยาวชนหญิงนั้น คือ
คณะอักษรศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ และคณะมนุษยศาสตร์ 20.4%
คณะนิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ และคณะสื่อสารมวลชน 17.3%
คณะบัญชี 7.6%
คณะรัฐศาสตร์ 5.2%
คณะพยาบาลศาสตร์ 4.6%

**ดูจัดอันดับมหาวิทยาลัยยอดนิยม ต่อได้ที่ http://unigang.com/Article/365

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552

ข้อสอบ TOEIC แบบใหม่!

ข้อสอบ TOEIC แบบใหม่!
แบบทดสอบที่ใช้วัดความสามารถภาษาอังกฤษที่เป็นที่นิยมคงต้องยกนิ้วให้ TOEIC ซึ่งหากคนไหนมีคะแนนสอบ TOEIC ที่ดีแล้ว ก็เรียกได้ว่ามีชัยไปกว่าครึ่งสำหรับการเตรียมตัวไปเรียนต่อเมืองนอก ล่าสุดนั้น การสอบ TOEIC ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเล็กน้อย โดยเริ่มเปลี่ยนมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา เรียกรูปแบบใหม่นี้ว่า Redesigned Toeic ว่าแต่จะเปลี่ยนแปลงไปยังไงนั้น รวบรวมมาไว้ให้แล้วค่ะ


ข้อสอบ TOEIC แบบใหม่ !

PART 1 : LISTENING มีทั้งหมด 100 ข้อ คะแนนรวม 495 คะแนน เวลา 45 นาที
1.1 Photographs (รูปภาพ) โดยฟังประโยคจากเทปที่เปิด แล้วพิจารณาว่ารูปภาพในข้อใดตรงกับที่เทป อ่านมากที่สุด- แบบเก่า มีทั้งหมด 20 ข้อ- แบบใหม่ ลดเหลือเพียง 10 ข้อ
1.2 Question-Response (ถามตอบ) ฟังคำถามจากเทปที่เปิด เช่น How are you ? และฟังชอยส์ 4 คำตอบจากเทปเช่นกันแล้วเลือกว่าคำตอบใดถูกต้องที่สุด โดยคำถามทั้งหมดมี 30 ข้อ
- ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
1.3 Conversations (บทสนทนา) จะเป็นบทสนทนาระหว่างบุคคล 2 คน ซึ่งโจทย์จะถามเกี่ยวกับเนื้อหา ของบทสนทนา มีทั้งหมด 30 ข้อ- แบบเก่า 1 บทสนทนา ต่อ คำถาม 1 ข้อ (มีทั้งหมด 30 บทความ)- แบบใหม่ 1 บทสนทนา ต่อ คำถาม 3 ข้อ (มีทั้งหมด 10 บทความ)

1.4 Talks (บทพูดคุย) การฟังประกาศ ข่าว หรือบทความ และตอบคำถาม- แบบเก่า มีคำถามทั้งหมด 20 ข้อ- แบบใหม่ มีคำถามทั้งหมด 30 ข้อ โดยมีบทความ 10 บทความ (1 บทความ มีคำถาม 3 ข้อ)

ข้อสอบ TOEIC แบบใหม่ !
PART 2 : READING มีทั้งหมด 100 ข้อ คะแนนรวม 495 คะแนน เวลา 1 ชม. 15 นาที
2.1 Incomplete Sentence (เติมประโยคให้เต็ม) เช่น Please tell me your ____ time . (arrive , arrival , reach , reaching)
- ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

2.2 - แบบเก่า Error Recognition (จับผิดไวยากรณ์) มีทั้งหมด 20 ข้อ- แบบใหม่ Text Completion (เติมข้อความให้สมบูรณ์) โดยอ่านบทความคล้ายๆ E-mail และเติมข้อ ความที่หายไปให้สมบูรณ์ มีทั้งหมด 4 บทความ แต่ละบทความมี 3 คำถาม รวมคำถามทั้งหมด 12 ข้อ

2.3 Reading Comprehension (ทำความเข้าใจเรื่องที่อ่าน) เป็นการอ่านเนื้อเรื่องแล้วตอบคำถาม- แบบเก่า มี 40 ข้อ- แบบใหม่ มี 48 ข้อ แบ่งออกเป็น Single Passages มี 7-10 บทความ แต่ละบทความจะมี 2-5 คำถาม รวมคำถาม 28 ข้อ Double Passages มีบทความอ่าน 4 คู่ ( เช่น E-mail โต้ตอบกับลูกค้า) แต่ละคู่มี 5 คำถาม รวมคำถาม 20 ข้อ

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ป้ายโฆษณาแปลก

หยุดพักเรื่องเครียดๆๆมาดูป้ายโฆษณาแปลกๆกันบ้างดีกว่า







































วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อันดับประเทศที่มีประชากร ฉลาดที่สุดในโลก โดย วัดจาก





อันดับ 1 อังกฤษ



อันดับ 2 เยอรมัน



อันดับ 3 ฝรั่งเศส



อันดับ 4 สหรัฐอเมริกา



อันดับ 5 อิตาลี



อันดับ 6 อิสราเอล



อันดับ 7 แคนนาดา



อันดับ 8 สวิสเซอร์แลนด์



อันดับ 9 ออสเตเรีย



อันดับ 10 กรีซ



อันดับ 11 เดนมาร์ก



อันดับ 12 เนเธอร์แลนด์



อันดับ 13 รัซเซีย



อันดับ14 สวีเดน



อันดับ 15 สเปน



อันดับ 16 นิวซีแลนด์



อันดับ 17 ญี่ปุ่น



อันดับ 18 บราซิล









รายนาม อัจฉริยะของโลก ในรอบ 1500






อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ Albert Einstein



เลโอนาร์โด ดา วินชี Leonardo Da VinciLeonardo Da



กาลิเลโอ กาลิเลอิ Galileo Galilei



ไอแซก นิวตัน Isaac Newton



โมสาร์ท Wolfgang Amadeus Mozart



อาร์คิมิดีส Archimedes



บีโทเฟ่น Ludwig van Beethoven



แวน โก๊ะ Vincent van Gogh



ชาลส์ ดาร์วิน Charles Darwin



แอลัน ทัวริง Alan Turing



หลุยส์ ปาสเตอร์ Louis



เมเดโอ อาโวกาโดร Amedeo



คาร์เลส แบบเบจ Charles Babbage



จอห์น วอน นอยแมน John von Neumann



เอดา ไบรอน Ada Byron



อองรี ปวงกาเร Henri Poincaré



นิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัส Nicolaus Copernicus



เบอนัว มานดัลบรอ Benoit Mandelbrot



ลีโอนาร์ด ไคล์นรอค Leonard Kleinrock



สตีเฟ่น ฮอว์คิง Stephen Hawking



โทมัส เอดิสัน Thomas Edison



เจมส์ เคลิร์ก แมกซ์เวลล์ James Clerk Maxwell



ริชาร์ด ไฟน์แมน Richard Feynman



มารี กูรี Marie Curie



อัลเฟรด โนเบล alfred bernard nobel



พี่น้องตระกูลไรท์ writhe brothers



อะเล็กซานเดอร์ กราแฮม เบลล์ Alexander Graham Bell



นีลส์ บอร์ Niels Hendrik David Bohr



เอนรีโก แฟร์มี Enrico Fermi



นิโคลา เทสลา Nikola Tesla



คาโรลัส ลินเนียส Carolus Linnaeus

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ผู้หญิงที่เก่งที่สุดในโลก

มาดูผู้หญิงที่เก่งที่สุดในโลกกัน!
อาจจะเคยเห็นเเล้ว
เเต่อยากให้ดู
เธอคนนี้เก่งที่สุดจริงๆ


























วันนี้คุณทำอะไรเพื่อเเม่เเล้วรึยัง!!!





วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552


แด่เทอ My best friend เหลือแค่ความทรงจำดีๆที่ใช้ร่วมกัน รู้ว่ามันสายไปสำหรับวันนี้ที่บอกเทอ "เรารักแกหว่ะเพื่อน"



เพียงเวลาแค่ไม่นาน

ทำให้เราได้คุ้นเคยสุขและทุกข์ที่ล่วงเลย

มันทำให้เรายิ่งผูกพัน

แต่เวลาคือสิ่งเลวร้ายเช่นกัน

เวลาช่างแสนสั้นทำให้เราต้องจากกัน

สุดเส้นทางปรายขอบฟ้า

ชะตาได้กำหนด

ไม่อาจจะพบกัน แต่ตัวฉันไม่เคยจะลืมเธอ

ภาพเก่าคืนย้อนมาจุดจบคือน้ำตา

และรักที่ยังไม่เคยจางหาย

แม้ว่าวันนี้เธอจะอยู่แสนไกล

แต่ความทรงจำดีๆนั้นไม่เคยจางหาย

ตราบที่ดาวเต็มฟ้าเธอยังคงวนเวียนในหัวใจ

หลับให้สบายสักวันคงพบกัน สุดที่รัก

สุดเส้นทางปรายขอบฟ้า

ชะตาได้กำหนดไม่อาจจะพบกัน

แต่ตัวฉันไม่เคยจะลืมเธอ

ภาพเก่าคืนย้อนมาจุดจบคือน้ำตา

และรักที่ยังไม่เคยจางหาย

แม้ว่าวันนี้เธอจะอยู่แสนไกล

แต่ความทรงจำดีๆนั้นไม่เคยจางหาย

ตราบที่ดาวเต็มฟ้าเธอยังคงวนเวียนในหัวใจ

หลับให้สบายสักวันคงพบกัน

แม้ว่าวันนี้เธอจะอยู่แสนไกล

แต่ความทรงจำดีๆนั้นไม่เคยจางหาย

ตราบที่ดาวเต็มฟ้าเธอยังคงวนเวียนในหัวใจ

หลับให้สบายสักวันคงพบกัน สุดที่รัก สุดที่รัก สุดที่รัก

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

พจนานุกรมของเด็กเอนท์
Animal [สาด]: หมายถึง คำสบถเมื่อเจอข้อสอบยากๆ

Banana [บะแนน’นะ]: หมายถึง คำสบถเมื่อเจอข้อสอบง่ายๆ

Cartoon [คาร์ทูน’]: สิ่งที่มักถูกซ่อนอยู่ข้างใต้หนังสือเรียนเสมอ

Diploma [ดิโพล’ มะ]: จุดหมายปลายทางของระบบการศึกษาไทย

Entrance [เอน’เทรินซฺ]: บททดสอบครั้งสำคัญในชีวิตของเด็กไทย

Freshy [เฟรช’ชี]: ขั้นต่อจากการเป็นเด็กมัธยมและขั้นแรกของการเป็นเด็กมหา’ลัย

Gpax [จีเพค]: บุญเก่าที่สะสมมาตลอดมอปลาย

Headache [เฮด’เอค]: ผลข้างเคียงจากการทำข้อสอบยากๆ

Internet [อินเทอร์เน็ต]: บอร์ดประกาศผลเอ็นท์ฯ ยุคดิจิตอล

June [จูน]: เดือนแห่งการเริ่มต้นชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย

Knock [น็อค]: อาการที่มักเกิดขึ้นในคืนก่อนสอบ

Lilly [ลิลลี่]: ผู้ที่ทำให้ภาษาไทย เป็น-เหลื่อง-หง่าย-นิด-เดียว

Mother [มา’เธอะ]: ผู้ที่ชอบบังคับให้เราหลับในยามที่เรายังตื่นและรบเร้าให้เราตื่นในยามที่เรายังหลับ

Night [ดึกดื่น]: ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการอ่านหนังสือ

Onet [โอเน็ต]: เป็นเพื่อนกับ Anet

Panda [แพน’ดะ]: รอยคล้ำใต้ขอบตาที่มาคู่กับการอดนอน =.=”

Quota [โคว’ทะ]: บัตรผ่านพิเศษที่ใช้ข้ามขั้นตอนในการเอ็นทรานซ์

Read [รีด]: กริยาของเด็กเอ็นท์ฯที่ต้องกระทำตลอด (เคมี ชีวะ เลข ภาษาไทย อังกฤษ)

Sleep [zzzz]: กริยาที่เด็กเอ็นท์ฯอยากทำมากกว่าข้อข้างบน

Temple [สาธุ]: สถานที่ที่เด็กเอ็นท์ฯไปบ่อยไม่แพ้ที่เรียนพิเศษ (ไปบนไว้ละสิ...รู้นะ)

University [มหา’ลัย]: ฝั่งฝันที่เด็กไทยต้องไปถึง

Vitamin [ไว’ทะมิน]: ขนมคบเคี้ยวของเด็กเอ็นท์ฯ

Weight [เวท]: สิ่งที่มักจะลดฮวบเมื่อเคร่งเครียดช่วงใกล้สอบ

Xerox [ซี’รอคซฺ]: ผู้มีพระคุณไม่แพ้ครูบาอาจารย์ Yeah!!![เย้.....วู้ววววว]: เสียงที่เปล่งออกมาเมื่อรู้ว่าตัวเองเอ็นท์ฯติดคณะในฝัน

Zombie [ซอม’บี้]: การแปลงร่างขั้นสุดยอดของเด็กเอ็นท์ฯ

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

13เหตุผลที่ทำให้ม.6เป็นที่สุดของที่สุด

13 เ ห ตุ ผ ล ที่ ทำ ใ ห้ ม.6 เ ป็ น ที่ สุด ข อ ง ที่ สุ ด
1
แก่ที่สุด
ถ้านับเฉพาะนักเรียน และไม่รวมผอ. ครูอาจารย์ นักการภารโรง
ม.6 ก็ต้องแก่ที่สุดในโรงเรียนแน่นอน
แต่จะแก่ความรู้หรืออยู่นาน
อันนี้ต้องแล้วแต่ตัวบุคคล
.
2
เครียดทีสุด
บางคนบอกว่า Entrance ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
แต่ สำหรับ ม.6
ถึงไม่ใช่ทั้งหมด ก็ เข้าใกล้ทั้งหมดเหมือน
limit เข้าสู่ x ไม่ใช่ x แต่เข้าใกล้ x ยังไงหยั่งงั้น
ไหนจะบรรดาครูอาจารย์ ญาติโกโหติกา พ่อแม่พี่น้อง เพื่อนฝูง
ที่คอยให้กำลังใจ(เชิงกดดัน)อีก
ม.6ไม่เครียดก็แปลกแล้ว
.
3
ขยันที่สุด
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
เมื่อเครียด อยากเอนท์ติด
แล้วมานั่งแต่งฟิก วาดรูป สูบอาร์ต เนี่ย มันจะติดมั้ย
ม.6 มันก็ต้องขยันเซ่
อ่านเข้าไปๆๆ อ่านให้ตายๆๆ
.
4
เก่งที่สุด
เนื่องจากแก่
จึงมีโอกาสถูกยัดความรู้ใส่หัวมากกว่าบรรดาศิษย์น้อง
เนื่องจากขยัน
กรรมดีนั้นจึงตกอยู่กับผู้กระทำ
(ส่วนตัว
เราคิดว่าม.6เนี่ยความรู้ลึกกับความรู้กว้างสมดุลกันที่สุดนะ
แบบว่ามหาวิทยาลัย รู้ลึกขึ้นแต่แคบลงไง)
.
5
ชีพจรลงเท้าที่สุด
หมายความว่า มีอันจะต้องเดินทางบ่อยมากๆ
ไม่ว่าจะงานราษฎ์
ไปสอบรับตรงที่แต่ละคณะ ขยันเปิดสอบ
ไม่ว่าจะงานหลวง
ไปสอบแข่งขันทางวิชาการ
เลยไม่เป็นอันได้อยู่บ้านอยู่ร.ร.กัน
.
6
เลิกกันบ่อยที่สุด
อันนี้ไม่ใช่ประสบการณ์ตรง
แต่คิดเอาเองว่า ม.6แล้วนะ
เวลาจะมานั่งโทรศัพท์หากันทั้งคืน
เวลาจะมานั่งอี๋อ๋อกันในโรงเรียน
มันก็ต้องใช้ไปทำอย่างอื่นที่ดีสำหรับอนาคตตัวเองมากกว่าใช่มั้ย
ไหนจะรักแท้แพ้ระยะทางอีกล่ะ
.
7
สิวเยอะที่สุด
เรื่องสิวๆ ที่ไม่ใช่แค่สิว
เพราะมันเป็นดัชนีบ่งชี้ความเครียดที่เพิ่มมากขึ้นของม.6
ด้วยเรื่องนู้น เรื่องนี้ที่ประดังประเดเข้ามา
ไหนจะเวลานอนที่บั่นทอนไปอ่านหนังสือ
หน้าบางคนที่เคยใสเลยสิวขึ้นได้่ง่ายๆ
.
8
ตื้นเต้นที่สุด
ตื่นเต้นอะไรหรือจะสู้ รู้ผลเอนท์
ม.6ย่อมต้องอยากรู้อยู่แล้ว
ว่าที่ลงทุนลงแรงไปทั้งหมดน่ะ
เพียงพอจะซื้อ ประตูสู่อนาคตที่สดใสรึเปล่า
จขบ.เอง
ตอนประกาศผลรับตรงนี่ ถึงกับกินข้าวไม่ลงเลยนะคะ
พอเพื่อนเดินมาบอกว่าติดหมอ
ดิชั้นก็กริ๊ดมันกลางโรงอาหารนั่นแหละ
แล้วก็อิ่มอกอิ่มใจกินข้าวไม่ลงต่อ
สรุป มื้อเที่ยงวันนั้น
รับประทานอาหารไปทั้งสิ้น 3 คำ
.
9
บ้ากล้องที่สุด
อันนี้คิดว่าเป็นทุกคน
พอใกล้จะเรียนจบ เราก็อยากเก็บความทรงจำดีๆเอาไว้
ไหนจะรูปสถานที่ต่างๆในร.ร.
ไหนจะรูปเพื่อน รูปครู
เพราะไม่รู้จะเจอกันอีกเมื่อไหร่
เลยต้องระดม ถ่ายๆๆๆๆๆ
ประมาณว่า มูลค่ากล้องถ่ายรูปทั้งสายชั้นรวมกัน
แทบจะสร้างห้องสมุดไหมให้ร.ร.ได้
(อันนี้ก็เวอร์ไป)
.
10
แอ๊บแบ๊วที่สุด
เมื่อ แก่ มาก
และอยาก ถ่ายรูป มาก
ก็เลยต้อง แอ๊บ มาก
เพื่อให้ แบ๊ว มาก
.
11
ซาบซึ้งที่สุด
ข้อนี้ใครเคยผ่านงานปัจฉิมนิเทศน์คงจะรู้กันดี
ว่า [วินาทีที่จุดจบของอดีตและจุดเริ่มของอนาคตเดินทางมาบรรจบกัน] นั้น
บรรยากาศมันซาบซึ้งใจ แค่ไหน
.
12
รัก(เพื่อน ครู ร.ร.)ที่สุด
คนเรามักจะรู้ค่าสิ่งใกล้ตัวที่มีอยู่ ก็ต่อเมื่อกำลังจะเสียมันไป
เพราะว่า จะไม่มีอีกแล้ว
ถึงได้รู้ว่ารักมากแค่ไหน
ร.ร.ที่เคยบ่น ก็รู้สึกภาคภูมิ
อาจารย์ที่เคยนินทา ก็ได้รู้สึกเคารพ
เพื่อนที่เคยทะเลาะ ก็ได้คืนดี
เพราะ จะไม่มีอีกแล้ว
จึงต้องรักษาช่วงเวลาสุดท้าย ให้กลายเป็นความทรงจำที่ดี
.
13
...คิดถึงที่สุด...
เพราะรัก จึงคิดถึง
.
.
.
และทั้งหมดนี้
คือ
เหตุผล
ที่ทำให้
ม.6
เป็น
ที่สุด
ของ
ที่สุด
ในใจเรา
.
.
.

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

5ที่ที่เสี่ยงติดไข้หวัด 2009

5 สถานที่เสี่ยงที่จะติดไข้หวัดใหญ่ 2009

รุนแรงเกินคาด! สำหรับการแพร่กระจายของไข้หวัด 2009 ที่ล่าสุดทั่วทั้งประเทศมีผู้ติดเชื้อร่วม 2 พันกว่าคนแล้ว ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตก็มีเพิ่มมาให้ได้ใจหายเกือบทุกวัน เห็นทีน้องๆ ชาวเด็กดีคงต้องป้องกันเพื่อรักษาชีวิตกันแล้วหละ

เกิดมาทั้งทีขอตาย เพราะแก่ชราอย่างสมศักดิ์ศรีดีกว่าครับ อย่าให้ต้องมาตายด้วยความประมาทไม่ป้องกันตัวเองของเราเลยดีกว่า ว่าแล้ววันนี้ พี่ลาเต้ ก็มี 5 สถานที่ที่สุ่มเสี่ยง และอาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคหวัด 2009 มากบอกกันครับ


>> สนามสอบ GAT – PAT

ถือเป็นแหล่งรวมพลเด็ก ม.6 ที่มากที่สุด บางสนามสอบมีคนเป็นหมื่นเลย ดังนั้น ร้อยพ่อพันแม่ ร้อยเชื้อโรคก็อาจจะถือโอกาสนาทีทองแพร่เชื้อในสนามสอบเหล่านี้ก็เป็นได้ ซึ่งจากการสอบรับตรงของจุฬาฯ ที่เมืองทองธานีที่ผ่านมา ก็มีน้องๆ เป็นหวัดกลับเป็นของแถมมาหลายคน

ดังนั้นไปสอบ GAT PAT ในครั้งนี้นอกจากจะเตรียมตัวเรื่อง บัตรประจำตัวผู้สอบ ดินสอ ยางลบ และอุปกรณ์การสอบแล้ว ก็อย่าลืมเตรียมผ้าปิดปาก ปิดจมูกไปด้วย เพื่อป้องกันโรคหวัด เพราะต่อให้ทำคะแนนได้มาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้คะแนนก็จะถือว้าได้ไม่คุ้มเสีย


>> โรงเรียนกวดวิชา

คนเยอะ แอร์เย็น แออัด สิ่งเหล่านี้แหละถือเป็นทำเลทองของเหล่าเชื้อโรคเลยทีเดียว และสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่ที่ไหนไกล ก็คือกวดวิชานั้นเอง ที่บางแห่งมีคุณสมบัติครบตามที่บอกมาทุกประการ ฟังแล้วดูน่ากลัวทีเดียว

ล่าสุดทางกระทรวงศึกษาธิการก็ได้ออกมาประกาศแล้วว่า จะให้ทางโรงเรียนกวดวิชาในบางสาขาทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ปิดการเรียนการสอนทั้งหมด 15 วันเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไข้หวัด ดังนั้นน้องๆ ที่ต้องไปเรียนพิเศษก็ลองโทรเช็คกับทางสถาบันด้วยนะครับ



>> ร้านเกม และอินเตอร์เน็ตคาเฟ่

เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่หลายฝ่ายจับตามอง เพราะสถานที่เหล่านี้แต่ละวันจะมีคนเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก และแต่ละคนที่เข้าใช้มานั้น ก็จำเป็นที่จะต้อง จับคีย์บอร์ด เมาท์ หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งสุ่มเสี่ยงอย่างมากที่จะเป็นเป็นแหล่งแพร่เชื้อได้ ประกอบกับร้านเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่เข้ามาเล่น ภูมิคุ้มกันอาจจะน้อยกว่าผู้ใหญ่

ล่าสุดทางกระทรวงวัฒนธรรมก็ออกมาตีฆ้องร้องเปล่าแล้วว่า ให้แต่ละร้านเกม และอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ต้องทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้สัมผัสทุกวัน พร้อมกับขอความร่วมมือว่าใครที่รู้ตัวว่าเป็นหวัด ไม่ว่าจะหวัดประเภทไหนก็ตาม ให้งดการเข้าร้านเกม และอินเตอร์เน็ตทันที


>> คอนเสิร์ตขนาดใหญ่

งานนี้คงหนีไม่พ้นคอนเสิร์ตดงบังชิงกิ และอัสนี วสันต์ ที่ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขออกมาบอกแล้วว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ป่วยที่เกิดจากการไปชมคอนเสิร์ต เช่น คอนเสิร์ต อัสนี-วสันต์ และคอนเสิร์ตจากศิลปินดงบังชิงกิ ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี โดยมีหลักฐานจากผู้ป่วยว่า ได้ไปชมคอนเสิร์ตทั้ง 2 รายการ และไม่เกิน 3 วันก็ป่วย และพบว่ามียอดผู้ป่วยที่สูงขึ้นหลังจากทั้ง 2 คอนเสิร์ตนี้



>> โรงเรียน หรือสถาบันการศึกษา

นอกจากจะเป็นแหล่งรวบรวมความรู้ ตอนนี้ยังแอบเป็นแหล่งแพร่หวัดตัวดีได้อีกด้วย ที่ล่าสุดยืนยันด้วยข่าวการปิดโรงเรียนมัธยมชื่อดังที่จังหวัดสกลนคร และขอนแก่น ยังไงก็ตามหากน้องคนไหนมีอาการก็แจ้งครูพยาบาลได้ทันทีครับ

เอาหละ.. ทั้งหมดนี้เป็นเพียงสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเด็กวัยรุ่นอย่างพวกเรา และมีความสุ่มเสี่ยงที่จะติดหวัด 2009 ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ยังมีอีกหลายแห่งที่น่ากลัว และน่าเสี่ยงกว่านี้ ดังนั้นน้องๆ ต้องป้องกันตัวเองด้วยนะ

วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

รับตรงมศว.

“มศว” รับตรงไม่เน้นวิชาการเลิศ

ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่ามศว กำหนดรับสมัครสอบตรงเข้าเป็น "นิสิต" ระดับปริญญาตรี ปีที่ 1 ประจำปี 2553 ในระหว่างนี้จนถึง 23 ส.ค.52 โดยในปีนี้ทางมหาวิทยาลัยจะรับตรงจำนวน 2,500 คน

และอยากฝากถึงนักเรียนที่สนใจอยากเข้าเรียนด้วยวิธีการสอบว่า - นักเรียนต้องมีความรู้ทางวิชาการในระดับที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยมีกระบวนการคัดเลือกเพื่อให้ได้นิสิตที่เหมาะเพื่อเข้าเรียนอย่างหลากหลาย และไม่ต้องการคัดนักเรียนที่มีเพียงแค่ความรู้ที่ได้มาจากการท่องจำอย่างเดียว

ข้อสอบที่มศว ออกนั้น- จะวัดระดับเชาว์ ปัญญา ไหวพริบ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วย

นอกจากนี้ปรัชญาที่สำคัญของมหาวิทยาลัยอีกประการหนึ่งก็คือต้องการคนที่มีจิตสำนึกสาธารณะ รู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม และเป็นคนดี รู้จักให้มากกว่าจะรอเป็นผู้รับเพียงอย่างเดียว

ทั้งนี้ จะมีการสัมภาษณ์และดูจากแฟ้มสะสมผลงานบางรายวิชาโดยเฉพาะทางด้านศิลปกรรมซึ่งเป็นคณะที่รับตรง 100% จะให้ความสำคัญกับแฟ้มสะสมผลงานอย่างมาก อีกทั้งนักเรียนต้องสอบภาคปฏิบัติด้วย ส่วนวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคมนั้นก็ต้องสอบภาคปฏิบัติและส่งแฟ้มสะสมผลงานด้วยเช่นกัน

ศ.ดร.วิรุณ กล่าวอีกว่า ประจำปีการศึกษา 2553 นี้ มศว มีคณะใหม่เกิดขึ้น 1คณะคือ คณะเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์การเกษตร และ 1 สำนักวิชาคือวิชาเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะ ถือเป็นทางเลือกใหม่ให้นักเรียนได้ตัดสินเพิ่มขึ้น สนใจข้อมูลการรับตรงของ มศว สามารถติดต่อได้ที่ 0-2649-5000 ต่อ5665, 5666, 5717

สมัครสอบตรง มศว ได้ที่http://admissiom.swu.ac.thเลือกระดับปริญญาตรี รอบที่ 1

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

อันดับประเทศไทย ในโลก

อันดับประเทศไทย ในโลก
อาหารไทยเป็นอาหารยอดนิยม ติด 1 ใน 5 ของโลก ร่วมกับ อาหารฝรั่งเศส อิตาเลียน ญี่ปุ่น จีน ทั่วโลกมีร้านอาหารไทย 6000 แห่ง อยู่ในสหรัฐ 3000 แห่ง มีลูกค้าเข้ามารับประทานเฉลี่ยนวันละ 3 ล้านคน (2545)
คนไทยมีสถิติดื่มสุราสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของโลก (2546) ไ
ทยเป็นผู้ส่งออกใหญ่ที่สุดอันดับที่ 4 ของโลกในการส่งออกรถยนต์ไปยังสิงคโปร์(2546)
ไทยติดอันดับละเมิดลิขสิทธิ์ 1 ใน 10 ของโลก มูลค่าตลาดสูงกว่า 1,600 ล้านบาท เป็นอันดับ 3 ในเอเชียรองจากจีนและไต้หวัน(2546)
ไทยเป็นชาติที่ร่ำรวยที่สุด อันดับ 32 ของโลก จากการจัดอันดับของธนานคารโลก ส่วนอันดับ 1-10 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี จีน สเปน แคนาดา และอินเดีย (2547)
ไทยติดอันดับประเทศน่าลงทุนติดอันดับที่ 20 ของโลก จากทั้งหมด 155 อันดับ ถือเป็นประเทศที่มีผลงานที่ดีที่สุดประเทศหนึ่ง แซงหน้ามาเลเซียและเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 21 และไต้หวันที่อันดับ 35(2548)
ไทยติดอันดับอันดับ 5 ของโลก ในการแพร่เว็บลามก (2549)
กรุงเทพมหานครได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวอยากเดินทางมามากที่สุดในทวีปเอเชีย และเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจาก ฟลอเรนซ์ และโรม ในขณะที่เชียงใหม่ อยู่อันดับที่ 5 (2549)
สนามบินของไทยมีผู้ใช้บริการมากที่สุด อันดับ 11 ของโลก (ยังไม่นับตอนสุวรรณภูมิเปิด) (2549)
ไทยถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่มีความสุขที่ 44 ของโลก ในเอเชียนั้น ฟิลิปปินส์อันดับที่ 23 อินโดนีเซียอันดับที่ 31 จีนอันดับที่ 32 ไทยอันดับที่ 44 มาเลเซียอันดับที่ 66 อินเดียอันดับที่ 64 ฮ่องกงอันดับที่ 89 (2549)
วัยรุ่นไทยติดอันดับ 1 ของโลก ในการเล่นเว็บแคมฟร็อก โดยห้องแชตสุดฮิต อันดับ 1-60 เป็นห้องของคนไทย 55 ห้อง (2550)
ปตท. เป็นบริษัทไทยแห่งเดียวที่ติดอันดับในกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ 500 อันดับแรกของโลก จากผลการสำรวจประจำปี 2007 เป็นอันดับที่ 41 ในเอเชีย และเฉพาะในภาคธุรกิจการกลั่นปิโตรเลียม ปตท.อยู่ในอันดับที่ 22 ของโลก (2550)
ผู้บริหารระดับสูงของไทย ติดอันดับมีรายได้เฉลี่ยสูงสุดอันที่ 8 ของโลก ในรายชื่ออันดับอำนาจการซื้อผู้บริหาร อันดับ1.ซาอุดิอาระเบีย อันดับ2.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อันดับ3.ฮ่องกง อันดับ4.รัสเซีย อันดับ5.ตุรกี อันดับ6.เม็กซิโก อันดับ7.ยูเครน อันดับ8.ไทย อันดับ9.สิงคโปร์ (2550)
ประเทศไทยจัดเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับที่ 19 ของโลก มีจำนวนประมาณ 63 ล้านคน ในการแข่งขัน ชีววิทยาโอลิมปิก 2550 เด็กไทยคว้ารางวัล คะแนนสูงสุด อันดับ 1 ของโลก(2550)
ประเทศไทยเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวที่สำคัญของโลก สามารถผลิตข้าวได้ประมาณ 27 ล้านตัน จัดเป็นอันดับ 6 ของโลก มีการส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก มูลค่า 1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นข้าวสารร้อยละ 97 และผลิตภัณฑ์จากข้าวร้อยละ 7 แต่ถึงแม้ประเทศไทยจะส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่ไม่มีอำนาจในการกำหนดราคาข้าวในตลาดโลกเลย (2550)
ไทยติดอันดับประเทศที่ใช้จักรยานยนต์มากเป็นอันดับ 3 ของโลก เฉลี่ย 3 คน ต่อ 1 คัน(2550)
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เป็นมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุด อันดับ 2 ของโลก(2550)
แถมๆ * รายชื่อมหาวิทยาลัยไทยที่ติดอันดับ 1 ใน 3000 ของโลก อันดับที่
505 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
577 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
721 สถาบันเทคโนโลยีเอเซีย (เอไอที)
861 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
894 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
896 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
909 มหาวิทยาลัยมหิดล
1009 มหาวิทยาลัยขอนแก่น
1195 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
1419 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
1460 สถาบันทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารฯ
1735 หมาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
1801 มหาวิทยาลัยรามคำแหง
1811 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ
2068 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
2109 มหาวทยาลัยกรุงเทพ
2125 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
2180 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
2181 มหาวิทยาลัยบูรพา
2196 มหาวิยาลัยศิลปากร
2204 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
2374 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
2602 มหาวิทยาลัยวิไลลักษณ์
2635 มหาวิทยาลัยรังสิต
2922 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
จริงๆประเทศไทยก็มีนัก HACKER สุดยอด อันดับ 3 ของโลกด้วยนะ (แต่ว่าถูกจับไปแล้ว ) =w=" อันนี้ไม่แน่ใจอะ แต่ก็ได้ยินมาว่า ไทยมีพิพิทธภัณฑ์มากเป็นอันดับ 2 ของโลกและทางยกระดับ บางนา-ตราด เป็นทางด่วนยกระดับที่ยาวที่สุดในโลก O_o

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วันต่อต้านยาเสพติด

26 มิถุนายน วันต่อต้านยาเสพติด
ประเทศไทยได้เผชิญกับปัญหายาเสพติดมาเป็นเวลาช้านาน รัฐบาลในแต่ละยุคได้ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดมาตลอด จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ คณะปฎิวัติภายใต้การนำของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ออกประกาสคณะปฎิวัติ ฉบับที่ ๓๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๐๑ ให้เลิกการสูบฝิ่นทั่วราชอาณาจักร โดยมีการเผาทำลายฝิ่นและอุปกรณ์การสูบฝิ่นที่ท้องสนามหลวงในคืนวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๔๐๒ ต่อมาในปีพ.ศ. ๒๕๐๔ รัฐบาลได้จัดตั้ง "คณะกรรมการปราบปรามยาเสพติดให้โทษ" ใช้ชื่อย่อว่า กปส. สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีอธิบดีกรมตำรวจเป็นประธาน และมีผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ ต่อมาในสมัยนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลได้เล็ง เห็นว่า การปราบปรามยาเสพติดไม่สามารถแก้ไขได้โดยการดำเนินการเฉพาะกรมตำรวจฝ่ายเดียว จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๑๙ ต่อสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน และประกาศใช้เป็นกฏหมายเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๙
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การแก้ไขปัญหายาเสสพติดของประเทศไทยก็ได้ดำเนินไปอย่างมีแบบแผนและเป็นระบบที่ดียิ่งขึ้น พระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือเรียกชื่อย่อว่า ป.ป.ส. โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และจัดตั้งสำนักงาน ป.ป.ส. ขึ้นเป็นหน่วยงานกลางรับผิดชอบโดยตรง มีฐานะเป็นกรมกรมหนึ่งในสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันปัญหายาเสพติดนับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จากสถิติการจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศ พบว่า จำนวนคดียาเสพติดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่ ถูกจับในข้อหามีไว้ในครอบครอง และเสพยาเสพติดซึ่งก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมติดตามมา
วิธีการดำเนินงานด้านการป้องกันยาเสพติดที่ได้รับการยอมรับกันในปัจจุบันว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่ง ได้แก่ การป้องกันการใช้ยาเสพติดที่ผิด หรือที่เรียกว่า Drug Abuse Prevention ซึ่งเป็นวิธีการที่ให้ความรู้และชี้นำให้ประชาชนและเยาวชนได้ตระหนักถึงโทษและพิษภัย ตลอดจนผลร้ายของยาเสพติด ทำให้เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด อันเป็นการตัดต้นตอของปัญหาเสียแต่เนิ่นๆ ผลจากปัญหายาเสพติดได้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติทั่วโลก ประเทสต่างๆ ทั่วโลกจึงได้พยายามร่วมมือกัน เพื่อหาทางหยุดยั้งปัญหายาเสพติด
ดังนั้น ในการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิด และการลักลอบค้ายาเสพติด (International Conference on Drug Abuse and Illicit Trafficking - ICDAIT) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๖ มิถุนายน ๒๕๓๐ ที่ประชุมได้มีมติให้เสนอสมัชชาใหญ่สหประชาชาติขอให้กำหนดวันที่ ๒๖ มิถุนายนของทุกปี เป็นวันต่อต้านยาเสพติด

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552

10อาชีพที่จะฮิตในอนาคต

1. วิศวกรเนื้อเยื่อ อนาคต โลกเราจะมีผิวหนังปลอม และกระดูกอ่อนเทียมออกวางจำหน่าย นักวิจัยสามารถสร้างลำไส้และกระเพาะปัสสาวะใหม่ขึ้นมาในช่องท้องของสัตว์ เป็นการเริ่มต้นสร้างเนื้อเยื่อของตับ หัวใจ และไต ขึ้น

2. นักวางโครงสร้างยีน แผน ผังโครงสร้างทางพันธุกรรม (ยีน)ของมนุษย์ทำให้ช่างเทคนิคสามารถสร้างหรือเปลี่ยนแปลงหน่วยทางพันธุกรรม ของมนุษย์แต่ละคนได้ ด้วยการเขียนรหัสคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่ เมื่อมีการสแกนภาพของดีเอ็นเอเราเพื่อหาข้อบกพร่อง แล้วหมอจะใช้การบำบัดทางพันธุกรรมออกมาใช้ มีการคัดเลือกเอาแต่โมเลกุลที่ฉลาดๆ เพื่อป้องกันปัญหาบางอย่าง เช่น โรคมะเร็ง

3. ชาวนา เกษตรกรยุคใหม่จะปลูกพืชพรรณต่างๆ มีการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งผ่านการดูแลทางด้านพันธุวิศวกรรมมาก่อนแล้ว โครงการนี้เริ่มก้าวหน้ามากแล้ว มีทั้งวัคซีนที่จะฉีดให้มะเขือเทศโตและวิทยาการอื่นๆ

4. ผู้ตรวจสอบเรื่องอาหาร คุณจะได้ทานอะไรเป็นอาหารค่ำยังงั้นเหรอ เมื่อมีปลาที่โตเร็ว และมีการตัดต่อทางพันธุกรรม ทำให้มี อาหารพอสำหรับประชากรที่ล้นโลก แต่ก็จะต้องระวังเรื่องผลกระทบทางพันธุกรรมต่างๆด้วย

5. นักขุดข้อมูล อนาคตจะมีนักวิจัยผู้วชาญมาจัดการข้อมูลของที่ต่างๆ เขาจะรู้รูปแบบพฤติกรรมของผู้คน ทำให้เป็น ประโยชน์ต่อนักการตลาดมาก

6. ช่างซ่อมด่วนตามสาย ถ้าคุณไม่สามารถจัดการกับบรรดาเครื่องเล่นวิดีโอหรือว่าดีวีดีได้ละก็ คุณจะมีรีโมทที่ทำหน้าที่ดูแล อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างในบ้าน แต่ก็น่าจะยังมีช่างซ่อมที่เราจะเรียกใช้บริการตามสายผ่านวิดีโอโฟนอยู่บ้าง

7. นักแสดงแบบเวอร์ชวลเรียลลิตี้ การ ชมโทรทัศน์แบบเสียเงินจะกลายเป็นการจ่ายต่อครั้งที่มีการแสดง ต่อไปนักแสดงจะมีปฏิกิริยากับเราได้ในโลกของละครไซเบอร์สเปซ อาชีพนักเขียนบทก็ยังจะมีคนต้องการสูงเพราะคงจะมีบทแปลกๆอีกมาก

8. นักโฆษณาเพื่อคนๆเดียว อุตสาหกรรมโทรทัศน์จะมุ่งเน้นไปที่บุคคลมากขึ้น นักโฆษณาจะสร้างสรรค์เนื้อหาโฆษณาของสินค้าเพื่อ ผู้ บริโภคแต่ละคนโดยเฉพาะ แต่ก็จะมีโฆษณาอื่นๆที่พยายามดึงความสนใจเราด้วยกลิ่นและรส เพื่อส่งกระแสกระตุ้นให้เราอยากซื้อสินค้าในทันที

9. มนุษย์เลียนแบบ วิศวกร คอมพิวเตอร์ยังคงพยายามที่จะเลียนแบบสติปัญญาของมนุษย์ ในอนาคตเราจะแยกไม่ออกเลยว่าเรากำลังคุยกับคนหรือหุ่น เจ้ามนุษย์หุ่นยนต์นี้จะทำหน้าที่ดูแลลูกค้า หรือเป็นคนคอยสรุปอีเมล์ให้เรา หรือแม้กระทั่งตอบจดหมายแทนเราเลย

10. วิศวกรแห่งความรู้ นักเลียนแบบสติปัญญาของมนุษย์จะแปลผลงานหรือการทำงานของเราลงไปเป็นซอฟท์แวร์ ทำให้พวกเรามีขนาดเล็กลง แล้ว

10 อาชีพอะไรที่จะดับไป

1. นายหน้าขายหุ้น , คนขายรถ, บุรุษไปรษณีย์,ตัวแทนประกันและนายหน้าที่ดิน อินเตอร์เน็ตจะทำให้อาชีพที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางในทุกๆวงการหายไป

2. ครู การเรียนทางไกลแบบออนไลน์จะได้รับความนิยมมากขึ้น อีกหน่อยม้านั่งในสถาบันการศึกษาคงจะกลาย เป็นโต๊ะคอมพิวเตอร์เสียหมด

3. สำนักพิมพ์ ในอนาคตหนังสือพิมพ์และนิตยสารจะกลายเป็นกระดาษดิจิตอลเสียหมด บริษัทต่างๆจะแข่งขันกันหาวัสดุ ที่ดีกว่ากระดาษและทำได้สารพัดอย่างเหมือนคอมพิวเตอร์ ถือเป็นการช่วยอนุรักษ์ต้นไม้ได้อย่างดี

4. นักเขียนชวเลข ซอฟท์แวร์ที่ใช้อัดเสียงช่วยความจำจะทำหน้าที่แทนคนจดรายงานในศาล , เลขานุการและบรรดาผู้ช่วย นัก บริหาร แต่อย่าเพิ่งไล่เลขาฯออกล่ะ เพราะแม้ว่าเทคโนโลยีจะช่วยงานเราได้เยอะ แต่ถ้าอีกหน่อยรายงานไม่เรียบร้อย เราจะไปโทษใครได้ นอกจากจะโทษตัวเอง

5. ประธานกรรมการบริหาร ในโลกอนาคตที่ธุรกิจต้องแข่งขันกันตลอดเวลา ประธานบริษัทคนเดียวคงจะช้าเกินไป การทำงานจะต้องพึ่ง กลุ่มผู้วชาญมาช่วยกันคิด

6. หมอจัดฟัน อนาคตจะไม่ต้องมีฟันเหล็กเต็มปากกันอีกต่อไป จะมีโปรแกรมที่ช่วยจัดให้ฟันเข้าที่เข้าทางได้โดยใช้ พลาสติกใส

7. หน่วยรักษาความปลอดภัยในคุก อีกหน่อยเราคงจะมีชิ้นส่วนโปรแกรมเล็กๆฝังไว้ในตัวคนเรา เพื่อป้องกันไม่ให้ก่ออาชญากรรม

8. คนขับรถบรรทุก ในอนาคตน่าจะมีถนนซึ่งมีเลนพิเศษให้กับรถที่ขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง โดยมีคอมพิวเตอร์บังคับ เจ้าของ กิจการไม่ต้องมาห่วงเรื่องการจ้างพนักงานขับรถอีกต่อไป แต่ก็ยังคงต้องระวังใบสั่งไว้ให้ดี

9. แม่บ้าน ตู้เย็นจะสามารถสั่งซื้อนมเพิ่มให้เรา ด้วยการสั่งออนไลน์ หรือเครื่องดูดฝุ่นสามารถทำงานได้เอง หรือเป็นไป ได้ว่าบ้านจะเป็นบ้านในอนาคตที่ทำความสะอาดตัวเองได้ โดยเราไม่ต้องมีแม่บ้านมาดูแลอีกต่อไป

10. พ่อ เมื่อ วิทยาการก้าวล้ำไปไกล มีการทำโคลนนิ่งหรืออย่างอื่นๆ พ่ออาจจะกลายเป็นไดโนเสาร์ล้านปีไปเลย แม่ก็เช่นกัน อาจจะมีมดลูกเทียมขึ้นมาก็ได้ใครจะรู้ ปล. 100 ปีข้างหน้า - -*