อันดับประเทศไทย ในโลก
อาหารไทยเป็นอาหารยอดนิยม ติด 1 ใน 5 ของโลก ร่วมกับ อาหารฝรั่งเศส อิตาเลียน ญี่ปุ่น จีน ทั่วโลกมีร้านอาหารไทย 6000 แห่ง อยู่ในสหรัฐ 3000 แห่ง มีลูกค้าเข้ามารับประทานเฉลี่ยนวันละ 3 ล้านคน (2545)
คนไทยมีสถิติดื่มสุราสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของโลก (2546) ไ
ทยเป็นผู้ส่งออกใหญ่ที่สุดอันดับที่ 4 ของโลกในการส่งออกรถยนต์ไปยังสิงคโปร์(2546)
ไทยติดอันดับละเมิดลิขสิทธิ์ 1 ใน 10 ของโลก มูลค่าตลาดสูงกว่า 1,600 ล้านบาท เป็นอันดับ 3 ในเอเชียรองจากจีนและไต้หวัน(2546)
ไทยเป็นชาติที่ร่ำรวยที่สุด อันดับ 32 ของโลก จากการจัดอันดับของธนานคารโลก ส่วนอันดับ 1-10 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี จีน สเปน แคนาดา และอินเดีย (2547)
ไทยติดอันดับประเทศน่าลงทุนติดอันดับที่ 20 ของโลก จากทั้งหมด 155 อันดับ ถือเป็นประเทศที่มีผลงานที่ดีที่สุดประเทศหนึ่ง แซงหน้ามาเลเซียและเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 21 และไต้หวันที่อันดับ 35(2548)
ไทยติดอันดับอันดับ 5 ของโลก ในการแพร่เว็บลามก (2549)
กรุงเทพมหานครได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวอยากเดินทางมามากที่สุดในทวีปเอเชีย และเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจาก ฟลอเรนซ์ และโรม ในขณะที่เชียงใหม่ อยู่อันดับที่ 5 (2549)
สนามบินของไทยมีผู้ใช้บริการมากที่สุด อันดับ 11 ของโลก (ยังไม่นับตอนสุวรรณภูมิเปิด) (2549)
ไทยถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่มีความสุขที่ 44 ของโลก ในเอเชียนั้น ฟิลิปปินส์อันดับที่ 23 อินโดนีเซียอันดับที่ 31 จีนอันดับที่ 32 ไทยอันดับที่ 44 มาเลเซียอันดับที่ 66 อินเดียอันดับที่ 64 ฮ่องกงอันดับที่ 89 (2549)
วัยรุ่นไทยติดอันดับ 1 ของโลก ในการเล่นเว็บแคมฟร็อก โดยห้องแชตสุดฮิต อันดับ 1-60 เป็นห้องของคนไทย 55 ห้อง (2550)
ปตท. เป็นบริษัทไทยแห่งเดียวที่ติดอันดับในกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ 500 อันดับแรกของโลก จากผลการสำรวจประจำปี 2007 เป็นอันดับที่ 41 ในเอเชีย และเฉพาะในภาคธุรกิจการกลั่นปิโตรเลียม ปตท.อยู่ในอันดับที่ 22 ของโลก (2550)
ผู้บริหารระดับสูงของไทย ติดอันดับมีรายได้เฉลี่ยสูงสุดอันที่ 8 ของโลก ในรายชื่ออันดับอำนาจการซื้อผู้บริหาร อันดับ1.ซาอุดิอาระเบีย อันดับ2.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อันดับ3.ฮ่องกง อันดับ4.รัสเซีย อันดับ5.ตุรกี อันดับ6.เม็กซิโก อันดับ7.ยูเครน อันดับ8.ไทย อันดับ9.สิงคโปร์ (2550)
ประเทศไทยจัดเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับที่ 19 ของโลก มีจำนวนประมาณ 63 ล้านคน ในการแข่งขัน ชีววิทยาโอลิมปิก 2550 เด็กไทยคว้ารางวัล คะแนนสูงสุด อันดับ 1 ของโลก(2550)
ประเทศไทยเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวที่สำคัญของโลก สามารถผลิตข้าวได้ประมาณ 27 ล้านตัน จัดเป็นอันดับ 6 ของโลก มีการส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก มูลค่า 1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นข้าวสารร้อยละ 97 และผลิตภัณฑ์จากข้าวร้อยละ 7 แต่ถึงแม้ประเทศไทยจะส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่ไม่มีอำนาจในการกำหนดราคาข้าวในตลาดโลกเลย (2550)
ไทยติดอันดับประเทศที่ใช้จักรยานยนต์มากเป็นอันดับ 3 ของโลก เฉลี่ย 3 คน ต่อ 1 คัน(2550)
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เป็นมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุด อันดับ 2 ของโลก(2550)
แถมๆ * รายชื่อมหาวิทยาลัยไทยที่ติดอันดับ 1 ใน 3000 ของโลก อันดับที่
505 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
577 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
721 สถาบันเทคโนโลยีเอเซีย (เอไอที)
861 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
894 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
896 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
909 มหาวิทยาลัยมหิดล
1009 มหาวิทยาลัยขอนแก่น
1195 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
1419 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
1460 สถาบันทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารฯ
1735 หมาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
1801 มหาวิทยาลัยรามคำแหง
1811 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ
2068 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
2109 มหาวทยาลัยกรุงเทพ
2125 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
2180 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
2181 มหาวิทยาลัยบูรพา
2196 มหาวิยาลัยศิลปากร
2204 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
2374 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
2602 มหาวิทยาลัยวิไลลักษณ์
2635 มหาวิทยาลัยรังสิต
2922 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
จริงๆประเทศไทยก็มีนัก HACKER สุดยอด อันดับ 3 ของโลกด้วยนะ (แต่ว่าถูกจับไปแล้ว ) =w=" อันนี้ไม่แน่ใจอะ แต่ก็ได้ยินมาว่า ไทยมีพิพิทธภัณฑ์มากเป็นอันดับ 2 ของโลกและทางยกระดับ บางนา-ตราด เป็นทางด่วนยกระดับที่ยาวที่สุดในโลก O_o
วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันต่อต้านยาเสพติด
26 มิถุนายน วันต่อต้านยาเสพติด
ประเทศไทยได้เผชิญกับปัญหายาเสพติดมาเป็นเวลาช้านาน รัฐบาลในแต่ละยุคได้ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดมาตลอด จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ คณะปฎิวัติภายใต้การนำของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ออกประกาสคณะปฎิวัติ ฉบับที่ ๓๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๐๑ ให้เลิกการสูบฝิ่นทั่วราชอาณาจักร โดยมีการเผาทำลายฝิ่นและอุปกรณ์การสูบฝิ่นที่ท้องสนามหลวงในคืนวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๔๐๒ ต่อมาในปีพ.ศ. ๒๕๐๔ รัฐบาลได้จัดตั้ง "คณะกรรมการปราบปรามยาเสพติดให้โทษ" ใช้ชื่อย่อว่า กปส. สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีอธิบดีกรมตำรวจเป็นประธาน และมีผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ ต่อมาในสมัยนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลได้เล็ง เห็นว่า การปราบปรามยาเสพติดไม่สามารถแก้ไขได้โดยการดำเนินการเฉพาะกรมตำรวจฝ่ายเดียว จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๑๙ ต่อสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน และประกาศใช้เป็นกฏหมายเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๙
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การแก้ไขปัญหายาเสสพติดของประเทศไทยก็ได้ดำเนินไปอย่างมีแบบแผนและเป็นระบบที่ดียิ่งขึ้น พระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือเรียกชื่อย่อว่า ป.ป.ส. โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และจัดตั้งสำนักงาน ป.ป.ส. ขึ้นเป็นหน่วยงานกลางรับผิดชอบโดยตรง มีฐานะเป็นกรมกรมหนึ่งในสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันปัญหายาเสพติดนับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จากสถิติการจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศ พบว่า จำนวนคดียาเสพติดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่ ถูกจับในข้อหามีไว้ในครอบครอง และเสพยาเสพติดซึ่งก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมติดตามมา
วิธีการดำเนินงานด้านการป้องกันยาเสพติดที่ได้รับการยอมรับกันในปัจจุบันว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่ง ได้แก่ การป้องกันการใช้ยาเสพติดที่ผิด หรือที่เรียกว่า Drug Abuse Prevention ซึ่งเป็นวิธีการที่ให้ความรู้และชี้นำให้ประชาชนและเยาวชนได้ตระหนักถึงโทษและพิษภัย ตลอดจนผลร้ายของยาเสพติด ทำให้เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด อันเป็นการตัดต้นตอของปัญหาเสียแต่เนิ่นๆ ผลจากปัญหายาเสพติดได้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติทั่วโลก ประเทสต่างๆ ทั่วโลกจึงได้พยายามร่วมมือกัน เพื่อหาทางหยุดยั้งปัญหายาเสพติด
ดังนั้น ในการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิด และการลักลอบค้ายาเสพติด (International Conference on Drug Abuse and Illicit Trafficking - ICDAIT) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๖ มิถุนายน ๒๕๓๐ ที่ประชุมได้มีมติให้เสนอสมัชชาใหญ่สหประชาชาติขอให้กำหนดวันที่ ๒๖ มิถุนายนของทุกปี เป็นวันต่อต้านยาเสพติด
ประเทศไทยได้เผชิญกับปัญหายาเสพติดมาเป็นเวลาช้านาน รัฐบาลในแต่ละยุคได้ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดมาตลอด จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ คณะปฎิวัติภายใต้การนำของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ออกประกาสคณะปฎิวัติ ฉบับที่ ๓๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๐๑ ให้เลิกการสูบฝิ่นทั่วราชอาณาจักร โดยมีการเผาทำลายฝิ่นและอุปกรณ์การสูบฝิ่นที่ท้องสนามหลวงในคืนวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๔๐๒ ต่อมาในปีพ.ศ. ๒๕๐๔ รัฐบาลได้จัดตั้ง "คณะกรรมการปราบปรามยาเสพติดให้โทษ" ใช้ชื่อย่อว่า กปส. สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีอธิบดีกรมตำรวจเป็นประธาน และมีผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ ต่อมาในสมัยนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลได้เล็ง เห็นว่า การปราบปรามยาเสพติดไม่สามารถแก้ไขได้โดยการดำเนินการเฉพาะกรมตำรวจฝ่ายเดียว จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๑๙ ต่อสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน และประกาศใช้เป็นกฏหมายเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๙
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การแก้ไขปัญหายาเสสพติดของประเทศไทยก็ได้ดำเนินไปอย่างมีแบบแผนและเป็นระบบที่ดียิ่งขึ้น พระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือเรียกชื่อย่อว่า ป.ป.ส. โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และจัดตั้งสำนักงาน ป.ป.ส. ขึ้นเป็นหน่วยงานกลางรับผิดชอบโดยตรง มีฐานะเป็นกรมกรมหนึ่งในสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันปัญหายาเสพติดนับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จากสถิติการจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศ พบว่า จำนวนคดียาเสพติดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่ ถูกจับในข้อหามีไว้ในครอบครอง และเสพยาเสพติดซึ่งก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมติดตามมา
วิธีการดำเนินงานด้านการป้องกันยาเสพติดที่ได้รับการยอมรับกันในปัจจุบันว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่ง ได้แก่ การป้องกันการใช้ยาเสพติดที่ผิด หรือที่เรียกว่า Drug Abuse Prevention ซึ่งเป็นวิธีการที่ให้ความรู้และชี้นำให้ประชาชนและเยาวชนได้ตระหนักถึงโทษและพิษภัย ตลอดจนผลร้ายของยาเสพติด ทำให้เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด อันเป็นการตัดต้นตอของปัญหาเสียแต่เนิ่นๆ ผลจากปัญหายาเสพติดได้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติทั่วโลก ประเทสต่างๆ ทั่วโลกจึงได้พยายามร่วมมือกัน เพื่อหาทางหยุดยั้งปัญหายาเสพติด
ดังนั้น ในการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิด และการลักลอบค้ายาเสพติด (International Conference on Drug Abuse and Illicit Trafficking - ICDAIT) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๖ มิถุนายน ๒๕๓๐ ที่ประชุมได้มีมติให้เสนอสมัชชาใหญ่สหประชาชาติขอให้กำหนดวันที่ ๒๖ มิถุนายนของทุกปี เป็นวันต่อต้านยาเสพติด
วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552
10อาชีพที่จะฮิตในอนาคต
1. วิศวกรเนื้อเยื่อ อนาคต โลกเราจะมีผิวหนังปลอม และกระดูกอ่อนเทียมออกวางจำหน่าย นักวิจัยสามารถสร้างลำไส้และกระเพาะปัสสาวะใหม่ขึ้นมาในช่องท้องของสัตว์ เป็นการเริ่มต้นสร้างเนื้อเยื่อของตับ หัวใจ และไต ขึ้น
2. นักวางโครงสร้างยีน แผน ผังโครงสร้างทางพันธุกรรม (ยีน)ของมนุษย์ทำให้ช่างเทคนิคสามารถสร้างหรือเปลี่ยนแปลงหน่วยทางพันธุกรรม ของมนุษย์แต่ละคนได้ ด้วยการเขียนรหัสคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่ เมื่อมีการสแกนภาพของดีเอ็นเอเราเพื่อหาข้อบกพร่อง แล้วหมอจะใช้การบำบัดทางพันธุกรรมออกมาใช้ มีการคัดเลือกเอาแต่โมเลกุลที่ฉลาดๆ เพื่อป้องกันปัญหาบางอย่าง เช่น โรคมะเร็ง
3. ชาวนา เกษตรกรยุคใหม่จะปลูกพืชพรรณต่างๆ มีการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งผ่านการดูแลทางด้านพันธุวิศวกรรมมาก่อนแล้ว โครงการนี้เริ่มก้าวหน้ามากแล้ว มีทั้งวัคซีนที่จะฉีดให้มะเขือเทศโตและวิทยาการอื่นๆ
4. ผู้ตรวจสอบเรื่องอาหาร คุณจะได้ทานอะไรเป็นอาหารค่ำยังงั้นเหรอ เมื่อมีปลาที่โตเร็ว และมีการตัดต่อทางพันธุกรรม ทำให้มี อาหารพอสำหรับประชากรที่ล้นโลก แต่ก็จะต้องระวังเรื่องผลกระทบทางพันธุกรรมต่างๆด้วย
5. นักขุดข้อมูล อนาคตจะมีนักวิจัยผู้วชาญมาจัดการข้อมูลของที่ต่างๆ เขาจะรู้รูปแบบพฤติกรรมของผู้คน ทำให้เป็น ประโยชน์ต่อนักการตลาดมาก
6. ช่างซ่อมด่วนตามสาย ถ้าคุณไม่สามารถจัดการกับบรรดาเครื่องเล่นวิดีโอหรือว่าดีวีดีได้ละก็ คุณจะมีรีโมทที่ทำหน้าที่ดูแล อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างในบ้าน แต่ก็น่าจะยังมีช่างซ่อมที่เราจะเรียกใช้บริการตามสายผ่านวิดีโอโฟนอยู่บ้าง
7. นักแสดงแบบเวอร์ชวลเรียลลิตี้ การ ชมโทรทัศน์แบบเสียเงินจะกลายเป็นการจ่ายต่อครั้งที่มีการแสดง ต่อไปนักแสดงจะมีปฏิกิริยากับเราได้ในโลกของละครไซเบอร์สเปซ อาชีพนักเขียนบทก็ยังจะมีคนต้องการสูงเพราะคงจะมีบทแปลกๆอีกมาก
8. นักโฆษณาเพื่อคนๆเดียว อุตสาหกรรมโทรทัศน์จะมุ่งเน้นไปที่บุคคลมากขึ้น นักโฆษณาจะสร้างสรรค์เนื้อหาโฆษณาของสินค้าเพื่อ ผู้ บริโภคแต่ละคนโดยเฉพาะ แต่ก็จะมีโฆษณาอื่นๆที่พยายามดึงความสนใจเราด้วยกลิ่นและรส เพื่อส่งกระแสกระตุ้นให้เราอยากซื้อสินค้าในทันที
9. มนุษย์เลียนแบบ วิศวกร คอมพิวเตอร์ยังคงพยายามที่จะเลียนแบบสติปัญญาของมนุษย์ ในอนาคตเราจะแยกไม่ออกเลยว่าเรากำลังคุยกับคนหรือหุ่น เจ้ามนุษย์หุ่นยนต์นี้จะทำหน้าที่ดูแลลูกค้า หรือเป็นคนคอยสรุปอีเมล์ให้เรา หรือแม้กระทั่งตอบจดหมายแทนเราเลย
10. วิศวกรแห่งความรู้ นักเลียนแบบสติปัญญาของมนุษย์จะแปลผลงานหรือการทำงานของเราลงไปเป็นซอฟท์แวร์ ทำให้พวกเรามีขนาดเล็กลง แล้ว
10 อาชีพอะไรที่จะดับไป
1. นายหน้าขายหุ้น , คนขายรถ, บุรุษไปรษณีย์,ตัวแทนประกันและนายหน้าที่ดิน อินเตอร์เน็ตจะทำให้อาชีพที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางในทุกๆวงการหายไป
2. ครู การเรียนทางไกลแบบออนไลน์จะได้รับความนิยมมากขึ้น อีกหน่อยม้านั่งในสถาบันการศึกษาคงจะกลาย เป็นโต๊ะคอมพิวเตอร์เสียหมด
3. สำนักพิมพ์ ในอนาคตหนังสือพิมพ์และนิตยสารจะกลายเป็นกระดาษดิจิตอลเสียหมด บริษัทต่างๆจะแข่งขันกันหาวัสดุ ที่ดีกว่ากระดาษและทำได้สารพัดอย่างเหมือนคอมพิวเตอร์ ถือเป็นการช่วยอนุรักษ์ต้นไม้ได้อย่างดี
4. นักเขียนชวเลข ซอฟท์แวร์ที่ใช้อัดเสียงช่วยความจำจะทำหน้าที่แทนคนจดรายงานในศาล , เลขานุการและบรรดาผู้ช่วย นัก บริหาร แต่อย่าเพิ่งไล่เลขาฯออกล่ะ เพราะแม้ว่าเทคโนโลยีจะช่วยงานเราได้เยอะ แต่ถ้าอีกหน่อยรายงานไม่เรียบร้อย เราจะไปโทษใครได้ นอกจากจะโทษตัวเอง
5. ประธานกรรมการบริหาร ในโลกอนาคตที่ธุรกิจต้องแข่งขันกันตลอดเวลา ประธานบริษัทคนเดียวคงจะช้าเกินไป การทำงานจะต้องพึ่ง กลุ่มผู้วชาญมาช่วยกันคิด
6. หมอจัดฟัน อนาคตจะไม่ต้องมีฟันเหล็กเต็มปากกันอีกต่อไป จะมีโปรแกรมที่ช่วยจัดให้ฟันเข้าที่เข้าทางได้โดยใช้ พลาสติกใส
7. หน่วยรักษาความปลอดภัยในคุก อีกหน่อยเราคงจะมีชิ้นส่วนโปรแกรมเล็กๆฝังไว้ในตัวคนเรา เพื่อป้องกันไม่ให้ก่ออาชญากรรม
8. คนขับรถบรรทุก ในอนาคตน่าจะมีถนนซึ่งมีเลนพิเศษให้กับรถที่ขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง โดยมีคอมพิวเตอร์บังคับ เจ้าของ กิจการไม่ต้องมาห่วงเรื่องการจ้างพนักงานขับรถอีกต่อไป แต่ก็ยังคงต้องระวังใบสั่งไว้ให้ดี
9. แม่บ้าน ตู้เย็นจะสามารถสั่งซื้อนมเพิ่มให้เรา ด้วยการสั่งออนไลน์ หรือเครื่องดูดฝุ่นสามารถทำงานได้เอง หรือเป็นไป ได้ว่าบ้านจะเป็นบ้านในอนาคตที่ทำความสะอาดตัวเองได้ โดยเราไม่ต้องมีแม่บ้านมาดูแลอีกต่อไป
10. พ่อ เมื่อ วิทยาการก้าวล้ำไปไกล มีการทำโคลนนิ่งหรืออย่างอื่นๆ พ่ออาจจะกลายเป็นไดโนเสาร์ล้านปีไปเลย แม่ก็เช่นกัน อาจจะมีมดลูกเทียมขึ้นมาก็ได้ใครจะรู้ ปล. 100 ปีข้างหน้า - -*
1. วิศวกรเนื้อเยื่อ อนาคต โลกเราจะมีผิวหนังปลอม และกระดูกอ่อนเทียมออกวางจำหน่าย นักวิจัยสามารถสร้างลำไส้และกระเพาะปัสสาวะใหม่ขึ้นมาในช่องท้องของสัตว์ เป็นการเริ่มต้นสร้างเนื้อเยื่อของตับ หัวใจ และไต ขึ้น
2. นักวางโครงสร้างยีน แผน ผังโครงสร้างทางพันธุกรรม (ยีน)ของมนุษย์ทำให้ช่างเทคนิคสามารถสร้างหรือเปลี่ยนแปลงหน่วยทางพันธุกรรม ของมนุษย์แต่ละคนได้ ด้วยการเขียนรหัสคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่ เมื่อมีการสแกนภาพของดีเอ็นเอเราเพื่อหาข้อบกพร่อง แล้วหมอจะใช้การบำบัดทางพันธุกรรมออกมาใช้ มีการคัดเลือกเอาแต่โมเลกุลที่ฉลาดๆ เพื่อป้องกันปัญหาบางอย่าง เช่น โรคมะเร็ง
3. ชาวนา เกษตรกรยุคใหม่จะปลูกพืชพรรณต่างๆ มีการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งผ่านการดูแลทางด้านพันธุวิศวกรรมมาก่อนแล้ว โครงการนี้เริ่มก้าวหน้ามากแล้ว มีทั้งวัคซีนที่จะฉีดให้มะเขือเทศโตและวิทยาการอื่นๆ
4. ผู้ตรวจสอบเรื่องอาหาร คุณจะได้ทานอะไรเป็นอาหารค่ำยังงั้นเหรอ เมื่อมีปลาที่โตเร็ว และมีการตัดต่อทางพันธุกรรม ทำให้มี อาหารพอสำหรับประชากรที่ล้นโลก แต่ก็จะต้องระวังเรื่องผลกระทบทางพันธุกรรมต่างๆด้วย
5. นักขุดข้อมูล อนาคตจะมีนักวิจัยผู้วชาญมาจัดการข้อมูลของที่ต่างๆ เขาจะรู้รูปแบบพฤติกรรมของผู้คน ทำให้เป็น ประโยชน์ต่อนักการตลาดมาก
6. ช่างซ่อมด่วนตามสาย ถ้าคุณไม่สามารถจัดการกับบรรดาเครื่องเล่นวิดีโอหรือว่าดีวีดีได้ละก็ คุณจะมีรีโมทที่ทำหน้าที่ดูแล อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างในบ้าน แต่ก็น่าจะยังมีช่างซ่อมที่เราจะเรียกใช้บริการตามสายผ่านวิดีโอโฟนอยู่บ้าง
7. นักแสดงแบบเวอร์ชวลเรียลลิตี้ การ ชมโทรทัศน์แบบเสียเงินจะกลายเป็นการจ่ายต่อครั้งที่มีการแสดง ต่อไปนักแสดงจะมีปฏิกิริยากับเราได้ในโลกของละครไซเบอร์สเปซ อาชีพนักเขียนบทก็ยังจะมีคนต้องการสูงเพราะคงจะมีบทแปลกๆอีกมาก
8. นักโฆษณาเพื่อคนๆเดียว อุตสาหกรรมโทรทัศน์จะมุ่งเน้นไปที่บุคคลมากขึ้น นักโฆษณาจะสร้างสรรค์เนื้อหาโฆษณาของสินค้าเพื่อ ผู้ บริโภคแต่ละคนโดยเฉพาะ แต่ก็จะมีโฆษณาอื่นๆที่พยายามดึงความสนใจเราด้วยกลิ่นและรส เพื่อส่งกระแสกระตุ้นให้เราอยากซื้อสินค้าในทันที
9. มนุษย์เลียนแบบ วิศวกร คอมพิวเตอร์ยังคงพยายามที่จะเลียนแบบสติปัญญาของมนุษย์ ในอนาคตเราจะแยกไม่ออกเลยว่าเรากำลังคุยกับคนหรือหุ่น เจ้ามนุษย์หุ่นยนต์นี้จะทำหน้าที่ดูแลลูกค้า หรือเป็นคนคอยสรุปอีเมล์ให้เรา หรือแม้กระทั่งตอบจดหมายแทนเราเลย
10. วิศวกรแห่งความรู้ นักเลียนแบบสติปัญญาของมนุษย์จะแปลผลงานหรือการทำงานของเราลงไปเป็นซอฟท์แวร์ ทำให้พวกเรามีขนาดเล็กลง แล้ว
10 อาชีพอะไรที่จะดับไป
1. นายหน้าขายหุ้น , คนขายรถ, บุรุษไปรษณีย์,ตัวแทนประกันและนายหน้าที่ดิน อินเตอร์เน็ตจะทำให้อาชีพที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางในทุกๆวงการหายไป
2. ครู การเรียนทางไกลแบบออนไลน์จะได้รับความนิยมมากขึ้น อีกหน่อยม้านั่งในสถาบันการศึกษาคงจะกลาย เป็นโต๊ะคอมพิวเตอร์เสียหมด
3. สำนักพิมพ์ ในอนาคตหนังสือพิมพ์และนิตยสารจะกลายเป็นกระดาษดิจิตอลเสียหมด บริษัทต่างๆจะแข่งขันกันหาวัสดุ ที่ดีกว่ากระดาษและทำได้สารพัดอย่างเหมือนคอมพิวเตอร์ ถือเป็นการช่วยอนุรักษ์ต้นไม้ได้อย่างดี
4. นักเขียนชวเลข ซอฟท์แวร์ที่ใช้อัดเสียงช่วยความจำจะทำหน้าที่แทนคนจดรายงานในศาล , เลขานุการและบรรดาผู้ช่วย นัก บริหาร แต่อย่าเพิ่งไล่เลขาฯออกล่ะ เพราะแม้ว่าเทคโนโลยีจะช่วยงานเราได้เยอะ แต่ถ้าอีกหน่อยรายงานไม่เรียบร้อย เราจะไปโทษใครได้ นอกจากจะโทษตัวเอง
5. ประธานกรรมการบริหาร ในโลกอนาคตที่ธุรกิจต้องแข่งขันกันตลอดเวลา ประธานบริษัทคนเดียวคงจะช้าเกินไป การทำงานจะต้องพึ่ง กลุ่มผู้วชาญมาช่วยกันคิด
6. หมอจัดฟัน อนาคตจะไม่ต้องมีฟันเหล็กเต็มปากกันอีกต่อไป จะมีโปรแกรมที่ช่วยจัดให้ฟันเข้าที่เข้าทางได้โดยใช้ พลาสติกใส
7. หน่วยรักษาความปลอดภัยในคุก อีกหน่อยเราคงจะมีชิ้นส่วนโปรแกรมเล็กๆฝังไว้ในตัวคนเรา เพื่อป้องกันไม่ให้ก่ออาชญากรรม
8. คนขับรถบรรทุก ในอนาคตน่าจะมีถนนซึ่งมีเลนพิเศษให้กับรถที่ขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง โดยมีคอมพิวเตอร์บังคับ เจ้าของ กิจการไม่ต้องมาห่วงเรื่องการจ้างพนักงานขับรถอีกต่อไป แต่ก็ยังคงต้องระวังใบสั่งไว้ให้ดี
9. แม่บ้าน ตู้เย็นจะสามารถสั่งซื้อนมเพิ่มให้เรา ด้วยการสั่งออนไลน์ หรือเครื่องดูดฝุ่นสามารถทำงานได้เอง หรือเป็นไป ได้ว่าบ้านจะเป็นบ้านในอนาคตที่ทำความสะอาดตัวเองได้ โดยเราไม่ต้องมีแม่บ้านมาดูแลอีกต่อไป
10. พ่อ เมื่อ วิทยาการก้าวล้ำไปไกล มีการทำโคลนนิ่งหรืออย่างอื่นๆ พ่ออาจจะกลายเป็นไดโนเสาร์ล้านปีไปเลย แม่ก็เช่นกัน อาจจะมีมดลูกเทียมขึ้นมาก็ได้ใครจะรู้ ปล. 100 ปีข้างหน้า - -*
วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2552
4 สถานที่ วัยรุ่นชอบไปหลังเลิกเรียน
4 สถานที่ วัยรุ่นชอบไปหลังเลิกเรียน
อันดับ 1 เดินห้างสรรพสินค้า
ว่ากันว่า การเดินดูของสวยๆ งามๆ ช่วยคลายเครียดได้ดีวิธีหนึ่ง เพราะความเพลินทำให้ใจจดจ่อกับสิ่งตรงหน้า หยุดใช้ความคิดกับเรื่องอื่นชั่วขณะ [น้อง ๆ หลายคนบอกว่า ไม่ซื้อของไม่เป็นไร ขอให้ได้เดินก็ยังดี]
อันดับ 2 หาของอร่อยกิน
เพราะใช้ความคิดมาทั้งวัน ร่างกายต้องการพลังงานเพิ่ม หลังเลิกเรียนจึงต้องแวะ ! อย่างสาวๆ จะนิยมเข้าร้านทานอาหารประเภท ‘ยำ’ หรือไม่ก็ไอศกรีม ส่วนหนุ่มๆ ต้องร้านข้าว เจ้าอร่อย ก๋วยเตี๋ยวรสเด็ด รวมไปถึงอาหารฟาสฟู้ดยอดนิยมในห้าง
อันดับ 3 แวะร้านหนังสือ
ดูหนังสือเล่มโปรดมาหรือยัง ? ทั้งหนังสือประกอบการเรียนวิชาต่างๆ หนังสือฝึกภาษา หนังสือไลฟ์สไตล์วัยรุ่น หนังสือรวมเรื่องราวของดาราทั้งไทย - เทศ - เกาหลี - ญี่ปุ่น หนังสือการ์ตูน รวมถึงนวนิยายแนววัยรุ่นใสๆ ที่กำลังโดนใจ ยิ่งร้านที่มีมุมหนังสือให้นั่งอ่าน มีขนม เครื่องดื่มบริการด้วยแล้ว หลายคนบอกว่า นั่งกันจนเพลินเลยทีเดียว
อันดับ 4 ร้องคาราโอเกะ
โชว์พลังเสียงทั้งเพลงช้า เพลงเร็ว ตามสไตล์ น้องๆ บอกว่า ได้ร้องเพลงแล้วมีความสุข นิยมยกแก๊งไปร้อง และแดนส์กันช่วงวันศุกร์สุดสัปดาห์ เพราะเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้เวลา ดังนั้น วันศุกร์นี่ล่ะ เหมาะที่สุด.. ส่วนน้องๆ คนไหนอยากร้องเพลงดาวมหา’ลัย ติดต่อ พี่ลาเต้ ด่วนๆๆๆ
อันดับ 1 เดินห้างสรรพสินค้า
ว่ากันว่า การเดินดูของสวยๆ งามๆ ช่วยคลายเครียดได้ดีวิธีหนึ่ง เพราะความเพลินทำให้ใจจดจ่อกับสิ่งตรงหน้า หยุดใช้ความคิดกับเรื่องอื่นชั่วขณะ [น้อง ๆ หลายคนบอกว่า ไม่ซื้อของไม่เป็นไร ขอให้ได้เดินก็ยังดี]
อันดับ 2 หาของอร่อยกิน
เพราะใช้ความคิดมาทั้งวัน ร่างกายต้องการพลังงานเพิ่ม หลังเลิกเรียนจึงต้องแวะ ! อย่างสาวๆ จะนิยมเข้าร้านทานอาหารประเภท ‘ยำ’ หรือไม่ก็ไอศกรีม ส่วนหนุ่มๆ ต้องร้านข้าว เจ้าอร่อย ก๋วยเตี๋ยวรสเด็ด รวมไปถึงอาหารฟาสฟู้ดยอดนิยมในห้าง
อันดับ 3 แวะร้านหนังสือ
ดูหนังสือเล่มโปรดมาหรือยัง ? ทั้งหนังสือประกอบการเรียนวิชาต่างๆ หนังสือฝึกภาษา หนังสือไลฟ์สไตล์วัยรุ่น หนังสือรวมเรื่องราวของดาราทั้งไทย - เทศ - เกาหลี - ญี่ปุ่น หนังสือการ์ตูน รวมถึงนวนิยายแนววัยรุ่นใสๆ ที่กำลังโดนใจ ยิ่งร้านที่มีมุมหนังสือให้นั่งอ่าน มีขนม เครื่องดื่มบริการด้วยแล้ว หลายคนบอกว่า นั่งกันจนเพลินเลยทีเดียว
อันดับ 4 ร้องคาราโอเกะ
โชว์พลังเสียงทั้งเพลงช้า เพลงเร็ว ตามสไตล์ น้องๆ บอกว่า ได้ร้องเพลงแล้วมีความสุข นิยมยกแก๊งไปร้อง และแดนส์กันช่วงวันศุกร์สุดสัปดาห์ เพราะเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้เวลา ดังนั้น วันศุกร์นี่ล่ะ เหมาะที่สุด.. ส่วนน้องๆ คนไหนอยากร้องเพลงดาวมหา’ลัย ติดต่อ พี่ลาเต้ ด่วนๆๆๆ
วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552
10 มหาวิทยาลัยที่เด่นกิจกรรมมากที่สุดในไทย..
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สถาบันนี้โดดเด่นมากๆในเรื่องกิจกรรมภายใน ทั้งด้านวิชาการ และสันทนาการ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมรับน้องก้าวใหม่ ,กีฬาเฟรชชี่ ,ฟุตบอลประเพณี หรือแม้กระทั่งกิจกรรมตามซุ้ม ตามคณะต่างๆที่มีให้ได้สร้างประสบการณ์กันตลอดทั้งปี..กิจกรรมที่สร้างชื่อให้กับสถาบันนี้คงหนีไม่พ้น "ฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์ - จุฬาฯ" ครับ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จักงานนี้..
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หากพูดถึงงานฟุตบอลประเพณี จะไม่พูดถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คงจะไม่ได้ ซึ่งก็ถือเป็นอีกสถาบันหนึ่งที่ส่งเสริมเรื่องกิจกรรมมากๆ วัดได้จากงานกีฬาน้องใหม่ที่ยิ่งใหญ่อย่าบอกใคร..แถมด้านผู้นำนักศึกษาก็วิสัยทัศน์กว้างไกล ออกมาแสดงจุดยืนด้านกิจกรรมต่างๆอยู่เสมอ หากใครจำข่าวเรื่องการรับน้องได้ จะรู้ว่าสถาบันแห่งนี้มีส่วนไกล่เกลี่ยในเรื่องนี้อย่างมาก จนกระทั่งในปัจจุบันสถาบันแห่งนี้ได้เปลี่ยนจากกิจกรรม "รับน้อง" มาเป็น "รับเพื่อนใหม่" ไปแล้วครับ..เป็นสถาบันแรกที่เปลี่ยนด้วย..
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
ในด้านมหาวิทยาลัยราชภัฏก็ไม่น้อยหน้า เพราะมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาถือเป็นตัวเต็งในด้านกิจกรรม สถาบันแห่งนี้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมเทียบเท่ากับด้านวิชาการ ดังจะเห็นได้จากการกำหนดการเข้าร่วมกิจกรรม หากใครเข้าไม่ครบก็ตกกิจกรรม เด็กสถาบันแห่งนี้จึงต้องเรียนรู้ทั้งด้านวิชาการ และกิจกรรมไปพร้อมๆกัน ดังนั้นจะเห็นได้ว่างานกิจกรรมของสถาบันแห่งนี้ไม่มีวันเงียบเหงา เพราะเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จริงๆ
มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
งานกีฬาต่างๆหากขาดสถาบันนี้คงจืดชืดแน่ๆ เพราะมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ถือเป็นสถาบันที่เด่นดังเรื่องกองเชียร์ และเชียร์ลีดเดอร์มากๆ แต่ละครั้งที่สถาบันนี้ทำการแสดงจะเรียกคนเข้าดูได้หลายร้อย หลายพันคน แม้ว่าในกฏของสถาบันจะไม่มีบัตรกิจกรรมบังคับให้เข้าร่วม แต่ทุกครั้งที่มีกิจกรรมเชียร์ สถาบันนี้ก็สามารถตบแต่งแสตนด์เชียร์จนมีคนเป็นจำนวนกว่าหลักพันได้..เรื่องกองเชียร์ และเชียร์ลีดเดอร์ต้องยกให้เขาจริงๆ
มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต
หากเอ่ยถึงมหาวิทยาลัยเอกชนในเรื่องกิจกรรม คงไม่มีใครเกินมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิตแห่งนี้ ซึ่งการจัดกิจกรรม การเข้าร่วมของนักศึกษา บางครั้งสถาบันของรัฐยังต้องอาย..เพราะสถาบันแห่งนี้มีระเบียบการเข้าร่วมได้เด่นชัดมากๆ มีการกำหนดไว้เลยว่า "ความรู้อย่างเดียว ไม่สามารถทำให้ผู้เรียนเป็นคนเก่งได้" แค่อ่านคำก่อนหน้านี้ไป คงไม่ต้องบอกว่าสถาบันแห่งนี้โดดเด่นในเรื่องอะไร..
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ด้วยความที่เป็นมหาวิทยาลัยในย่านชานเมือง ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยไร้ขีดจำกัด..ทั้งสนามกีฬา แสตนด์เชียร์ ลานกิจกรรมมีให้ใช้สอยเกินคำบรรยายจริงๆ ในจำนวนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล สถาบันแห่งนี้ถือว่าโดดเด่นเรื่องกิจกรรมมากที่สุด..วัดได้จากงานกีฬาภายใน หรืองานกีฬาภายนอก ที่ไม่เคยไม่มีชื่อของสถาบันแห่งนี้เข้าร่วม..
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
ถือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งโอกาส..เพราะสถาบันแห่งนี้ด้วยความที่มีหลายคณะ หลายศูนย์การศึกษาจึงทำให้มีนักกิจกรรมมากขึ้นตามไปด้วย..น้องๆที่เข้ามาเรียนในสถาบันนี้โอกาสที่จะได้ฉายแวว ได้ลองประสบการณ์ในการเป็นนักกิจกรรมจึงมีอยู่สูง..อีกทั้งสถาบันแห่งนี้ก็ทุ่มสุดตัวในเรื่องกิจกรรม ซึ่งสามารถพูดได้เลยว่า "งานเฟรชชี่เดย์" ไม่มีสถาบันจัดได้ยิ่งใหญ่เท่าสถาบันนี้..
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ด้วยความที่เป็นมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด นักศึกษาส่วนใหญ่อยู่หอใน เรื่องกิจกรรมจึงแนบแน่นไร้ที่ติ ดูอย่างงานเฟรชชี่เดย์ที่จัดในยามค่ำคืนน่าศรีวิไลมากๆ..อีกทั้งนักศึกษาสถาบันแห่งนี้ส่วนใหญ่จะทุ่มเทกับกิจกรรมมากๆ อีกทั้งเป็นอีกหนึ่งสถาบันที่มีกิจกรรมภายใน ภายนอกตลอดทั้งปี แต่ผลงานก็ไม่อ่อนแรง และไม่ทำให้หลายๆคนผิดหวัง..
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หากพูดถึงเรื่องกิจกรรมที่เน้นส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กินขาดครับ..ไม่ว่าจะเป็น รับน้องขึ้นดอย ,รับน้องรถไฟ หรือลูกทุ่งวิจิตรศิลป์ ซึ่งนอกจากจะโดเด่นเป็นสง่าแล้ว..ยังถือเป็นอีกหนึ่งสถาบันที่ขึ้นชื่อเรื่องความรัก ความสามัคคีมากๆ ในว่าเรื่องเรียนมหาวิทยาลัยนี้ก็เอาจริงไม่แพ้ใครเหมือนกันครับ.. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เป็นอีกสถาบันที่หลายๆคนไม่รู่ว่า มีงานฟุตบอลประเพณีเหมือนกัน..ซึ่งเป็นงานฟุตบอลประเพณีราชภัฏ - ราชมงคล และมีประวัติศาสตร์มายาวนานไม่แพ้ด้านจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ ทีเดียว...แต่ละปีสถาบันแห่งนี้จะแน่นเอียดไปด้วยกิจกรรมทั้งภายใน ภายนอก ที่ชัดเจนสุดๆคงจะเป็นงานกีฬา ซึ่งได้ขึ้นว่าเป็นอีกสถาบันหนึ่งที่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานกีฬาบ่อยที่สุด..
น้องๆครับ..ทุกมหาวิทยาลัยในประเทศไทย นอกจากจะสอนให้เรามีความรู้ด้านศาสตร์ที่เราสนใจแล้ว ยังสอนให้เราได้รู้จักสังคมโดยผ่านกิจกรรมต่างๆ จากบทความนี้เป็น 10 มหาวิทยาลัยที่โดดเด่นเท่านั้น..ซึ่งหมายความว่ากิจกรรมของสถาบันนี้ขึ้นชื่อ และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สถาบันนี้โดดเด่นมากๆในเรื่องกิจกรรมภายใน ทั้งด้านวิชาการ และสันทนาการ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมรับน้องก้าวใหม่ ,กีฬาเฟรชชี่ ,ฟุตบอลประเพณี หรือแม้กระทั่งกิจกรรมตามซุ้ม ตามคณะต่างๆที่มีให้ได้สร้างประสบการณ์กันตลอดทั้งปี..กิจกรรมที่สร้างชื่อให้กับสถาบันนี้คงหนีไม่พ้น "ฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์ - จุฬาฯ" ครับ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จักงานนี้..
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หากพูดถึงงานฟุตบอลประเพณี จะไม่พูดถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คงจะไม่ได้ ซึ่งก็ถือเป็นอีกสถาบันหนึ่งที่ส่งเสริมเรื่องกิจกรรมมากๆ วัดได้จากงานกีฬาน้องใหม่ที่ยิ่งใหญ่อย่าบอกใคร..แถมด้านผู้นำนักศึกษาก็วิสัยทัศน์กว้างไกล ออกมาแสดงจุดยืนด้านกิจกรรมต่างๆอยู่เสมอ หากใครจำข่าวเรื่องการรับน้องได้ จะรู้ว่าสถาบันแห่งนี้มีส่วนไกล่เกลี่ยในเรื่องนี้อย่างมาก จนกระทั่งในปัจจุบันสถาบันแห่งนี้ได้เปลี่ยนจากกิจกรรม "รับน้อง" มาเป็น "รับเพื่อนใหม่" ไปแล้วครับ..เป็นสถาบันแรกที่เปลี่ยนด้วย..
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
ในด้านมหาวิทยาลัยราชภัฏก็ไม่น้อยหน้า เพราะมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาถือเป็นตัวเต็งในด้านกิจกรรม สถาบันแห่งนี้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมเทียบเท่ากับด้านวิชาการ ดังจะเห็นได้จากการกำหนดการเข้าร่วมกิจกรรม หากใครเข้าไม่ครบก็ตกกิจกรรม เด็กสถาบันแห่งนี้จึงต้องเรียนรู้ทั้งด้านวิชาการ และกิจกรรมไปพร้อมๆกัน ดังนั้นจะเห็นได้ว่างานกิจกรรมของสถาบันแห่งนี้ไม่มีวันเงียบเหงา เพราะเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จริงๆ
มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
งานกีฬาต่างๆหากขาดสถาบันนี้คงจืดชืดแน่ๆ เพราะมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ถือเป็นสถาบันที่เด่นดังเรื่องกองเชียร์ และเชียร์ลีดเดอร์มากๆ แต่ละครั้งที่สถาบันนี้ทำการแสดงจะเรียกคนเข้าดูได้หลายร้อย หลายพันคน แม้ว่าในกฏของสถาบันจะไม่มีบัตรกิจกรรมบังคับให้เข้าร่วม แต่ทุกครั้งที่มีกิจกรรมเชียร์ สถาบันนี้ก็สามารถตบแต่งแสตนด์เชียร์จนมีคนเป็นจำนวนกว่าหลักพันได้..เรื่องกองเชียร์ และเชียร์ลีดเดอร์ต้องยกให้เขาจริงๆ
มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต
หากเอ่ยถึงมหาวิทยาลัยเอกชนในเรื่องกิจกรรม คงไม่มีใครเกินมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิตแห่งนี้ ซึ่งการจัดกิจกรรม การเข้าร่วมของนักศึกษา บางครั้งสถาบันของรัฐยังต้องอาย..เพราะสถาบันแห่งนี้มีระเบียบการเข้าร่วมได้เด่นชัดมากๆ มีการกำหนดไว้เลยว่า "ความรู้อย่างเดียว ไม่สามารถทำให้ผู้เรียนเป็นคนเก่งได้" แค่อ่านคำก่อนหน้านี้ไป คงไม่ต้องบอกว่าสถาบันแห่งนี้โดดเด่นในเรื่องอะไร..
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ด้วยความที่เป็นมหาวิทยาลัยในย่านชานเมือง ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยไร้ขีดจำกัด..ทั้งสนามกีฬา แสตนด์เชียร์ ลานกิจกรรมมีให้ใช้สอยเกินคำบรรยายจริงๆ ในจำนวนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล สถาบันแห่งนี้ถือว่าโดดเด่นเรื่องกิจกรรมมากที่สุด..วัดได้จากงานกีฬาภายใน หรืองานกีฬาภายนอก ที่ไม่เคยไม่มีชื่อของสถาบันแห่งนี้เข้าร่วม..
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
ถือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งโอกาส..เพราะสถาบันแห่งนี้ด้วยความที่มีหลายคณะ หลายศูนย์การศึกษาจึงทำให้มีนักกิจกรรมมากขึ้นตามไปด้วย..น้องๆที่เข้ามาเรียนในสถาบันนี้โอกาสที่จะได้ฉายแวว ได้ลองประสบการณ์ในการเป็นนักกิจกรรมจึงมีอยู่สูง..อีกทั้งสถาบันแห่งนี้ก็ทุ่มสุดตัวในเรื่องกิจกรรม ซึ่งสามารถพูดได้เลยว่า "งานเฟรชชี่เดย์" ไม่มีสถาบันจัดได้ยิ่งใหญ่เท่าสถาบันนี้..
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ด้วยความที่เป็นมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด นักศึกษาส่วนใหญ่อยู่หอใน เรื่องกิจกรรมจึงแนบแน่นไร้ที่ติ ดูอย่างงานเฟรชชี่เดย์ที่จัดในยามค่ำคืนน่าศรีวิไลมากๆ..อีกทั้งนักศึกษาสถาบันแห่งนี้ส่วนใหญ่จะทุ่มเทกับกิจกรรมมากๆ อีกทั้งเป็นอีกหนึ่งสถาบันที่มีกิจกรรมภายใน ภายนอกตลอดทั้งปี แต่ผลงานก็ไม่อ่อนแรง และไม่ทำให้หลายๆคนผิดหวัง..
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หากพูดถึงเรื่องกิจกรรมที่เน้นส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กินขาดครับ..ไม่ว่าจะเป็น รับน้องขึ้นดอย ,รับน้องรถไฟ หรือลูกทุ่งวิจิตรศิลป์ ซึ่งนอกจากจะโดเด่นเป็นสง่าแล้ว..ยังถือเป็นอีกหนึ่งสถาบันที่ขึ้นชื่อเรื่องความรัก ความสามัคคีมากๆ ในว่าเรื่องเรียนมหาวิทยาลัยนี้ก็เอาจริงไม่แพ้ใครเหมือนกันครับ.. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เป็นอีกสถาบันที่หลายๆคนไม่รู่ว่า มีงานฟุตบอลประเพณีเหมือนกัน..ซึ่งเป็นงานฟุตบอลประเพณีราชภัฏ - ราชมงคล และมีประวัติศาสตร์มายาวนานไม่แพ้ด้านจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ ทีเดียว...แต่ละปีสถาบันแห่งนี้จะแน่นเอียดไปด้วยกิจกรรมทั้งภายใน ภายนอก ที่ชัดเจนสุดๆคงจะเป็นงานกีฬา ซึ่งได้ขึ้นว่าเป็นอีกสถาบันหนึ่งที่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานกีฬาบ่อยที่สุด..
น้องๆครับ..ทุกมหาวิทยาลัยในประเทศไทย นอกจากจะสอนให้เรามีความรู้ด้านศาสตร์ที่เราสนใจแล้ว ยังสอนให้เราได้รู้จักสังคมโดยผ่านกิจกรรมต่างๆ จากบทความนี้เป็น 10 มหาวิทยาลัยที่โดดเด่นเท่านั้น..ซึ่งหมายความว่ากิจกรรมของสถาบันนี้ขึ้นชื่อ และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)